ยอดส่งออกจีนออกมาแย่เกินคาดในรอบกว่า 2 ปี ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัว จึงบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนในปี 2019 รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลกได้
นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวกลับยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย ขณะที่ข้อมูลการค้าจีนพบว่ามียอดเกินดุลอย่างมากกับทางสหรัฐฯเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา และอาจทำให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจกลับมายิ่งตอกย้ำต่อภาวะการค้าจีนในประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้ามากขึ้นได้
อุปสงค์ที่อ่อนตัวลงของจีนจะยิ่งบั่นทอนความกังวลให้แก่เศรษฐกิจโลก อันประกอบไปด้วยยอดขายสินค้าที่ตกลงอย่าง iPhones รวมทั้งผลประกอบการกลุ่มยานยนต์ที่เริ่มกล่าวเตือนผลประกอบการของตัวเอง อันได้แก่บริษัท Apple และJaguar Land Rover
ข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน สะท้อนว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มสูญเสียภาวะขยายตัวในช่วงปลายปีที่แล้วมากกว่าปีก่อนๆ แม้ว่าจะมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่กี่เดือนจาการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการปรับลดภาษี
นักวิเคราะห์บางส่วน มีการคาดการณ์กันว่า จีนอาจมีการเร่งดำเนินการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นในปีนี้หลังจากที่กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมโรงงานหดตัวลงในเดือนธ.ค.
ยอดส่งออกที่ปรับตัวลงเกินคาดแตะ 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ควบคู่กับอุปสงค์ในตลาดส่วนใหญ่ที่กำลังอ่อนตัว ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวลงอย่างมากกว่า 7.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ก.ค. 2016
นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าวว่า ยอดส่งออกที่ร่วงลงเกินคาด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เพราะถูกฉุดรั้งจากภาวะการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลงอย่างมากจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว และเราคาดว่าทั้งยอดนำเข้าและส่งออกจะยังอ่อนตัวในไตรมาสข้างหน้าด้วย ขณะเดียวกันนโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็ดูไม่มีทีท่าจะช่วยดันอุปสงค์ทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งปีหลัง โดยที่ยอดนำเข้าก็ยังมีแนวโน้มจะอ่อนตัว
ยอดดุลการค้าจีนกับสหรัฐฯเกินดุลเพิ่มขึ้น
ยอดเกินดุลการค้าของจีนกับสหรัฐฯเกินดุลเพิ่มขึ้น 17.2% ที่ 3.2332 แสนล้านเหรียญในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ 2006 และปี 2017 จะพบว่ามียอดเกินดุลการค้าระหว่างกันที่ 2.7581 แสนล้านเหรียญ
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนแสนล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา และยังมีท่าทีคุกคามต่อหากว่าจีนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรมตลอดจนทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจีนก็มีการตอบโต้ต่อแนวทางดังกล่าวเช่นกัน
ยอดนำเข้าที่อ่อนแอตอกย้ำถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนตัว
การที่จีนปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มซัพพลายเออร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้วก็ดูเหมือนว่ายอดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯจะปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011
แต่หากสหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในการเจรจารอบแรกก็อาจไม่ช่วยให้เศรษฐกิจจีนหลุดพ้นจากภาวะชะลอตัวได้ ขณะที่แหล่งข่าวบางรายบอกกับสำนักข่าว Reuters โดยระบุว่า จีนกำลังวางแผนจะปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงสู่กรอบ 6-6.5% ในปีนี้ หลังจากที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 6.6% ในปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบ 28 ปี
ที่มา: Reuters