ทั้งนี้ อุปสงค์ภายในจีนก็มีแนวโน้มจะได้รับแรงกดดันขาลงที่กดดันภาวะเศรษฐกิจอันเป็นผลจาก Trade War กับสหรัฐฯ และผลที่ตามมาอาจทำให้อัตราการขยายตัวของจีนออกมาแย่ลงด้วยในอนาคตอันใกล้
ยอดส่งออกจีนที่ย่ำแย่อาจส่งผลกระทบหรือเป็นหนึ่งในสัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ดูจะไม่ดีตามไปด้วย
ด้านตลาดหุ้นก็ดูจะได้รับผลกระทบไปด้วยและทำให้ความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นแทน ขณะที่ห้นสหรัฐฯ อาทิ S&P500 Futures ที่ ณ ขณะนี้ปรับลงไป 0.70%
ด้านค่าเงินยูโรเมื่อเทียบดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงต่อได้ โดยในทางเทคนิค FX Street สรุปแนวรับ-แนวต้านสำคัญให้ดังนี้:
แนวรับ:
Previous Daily Pivot Point S1: 1.1434
Previous Daily Pivot Point S2: 1.1404
Previous Daily Pivot Point S3: 1.1351
แนวต้าน:
Previous Daily Pivot Point R1: 1.1516
Previous Daily Pivot Point R2: 1.157
Previous Daily Pivot Point R3: 1.1599
· ค่าเงินหยวนจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถปิดตลาดได้ผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2005 ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า ค่าเงินมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ
โดยแรงเข้าซื้อค่าเงินหยวนในตลาดอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบปี ท่ามกลางมุมมองของเหล่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่มองค่าเงินหยวนไปในเชิงบวก จึงทำให้ค่าเงินดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้มากขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ ปริมาณความต้องการในค่าเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ในเดือน ธ.ค. หลังมีสัญญาณการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเฟด รวมทั้งสัญญาณจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เป็นไปในเชิงบวก ขณะที่แรงเทขายในค่าเงินหยวนเริ่มเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับลดลงในวันจันทร์ก่อนเปิดตลาดสหรัฐฯ ท่ามบรรดานักลงทุนที่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯ และความอ่อนแอของตัวเลขเศรษฐกิจจีน
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงสู่ระดับ 2.6757% ขณะที่พันธบัตรสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับลดลงสู่ระดับ 3.0219% ท่ามกลางอัตราหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯที่ขยายตัวยิ่งขึ้น
การเคลื่อนไหวในช่วงก่อนเปิดตลาดสหรัฐฯวันนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของจีนที่ต่างชะลอตัวลงผิดคาด จึงยิ่งตอกย้ำถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ในขณะเดียวกัน ความแตกแยกระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงบ่งชี้ว่าภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯจะยังคงยิดเยื้อต่อไป โดยที่ยังไม่มี่แววว่าจะจบสิ้นลงเร็วๆนี้ อีกทั้งยังได้กลายเป็นภาวะ Shutdown ครั้งที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว
· ยอดส่งออกจีนออกมาแย่เกินคาดในรอบกว่า 2 ปี ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัว จึงบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนในปี 2019 รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลกได้
นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวกลับยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย ขณะที่ข้อมูลการค้าจีนพบว่ามียอดเกินดุลอย่างมากกับทางสหรัฐฯเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา และอาจทำให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจกลับมายิ่งตอกย้ำต่อภาวะการค้าจีนในประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้ามากขึ้นได้
อุปสงค์ที่อ่อนตัวลงของจีนจะยิ่งบั่นทอนความกังวลให้แก่เศรษฐกิจโลก อันประกอบไปด้วยยอดขายสินค้าที่ตกลงอย่าง iPhones รวมทั้งผลประกอบการกลุ่มยานยนต์ที่เริ่มกล่าวเตือนผลประกอบการของตัวเอง อันได้แก่บริษัท Apple และ Jaguar Land Rover
ข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน สะท้อนว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มสูญเสียภาวะขยายตัวในช่วงปลายปีที่แล้วมากกว่าปีก่อนๆ แม้ว่าจะมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่กี่เดือนจาการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการปรับลดภาษี
นักวิเคราะห์บางส่วน มีการคาดการณ์กันว่า จีนอาจมีการเร่งดำเนินการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นในปีนี้หลังจากที่กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมโรงงานหดตัวลงในเดือนธ.ค.
ยอดส่งออกที่ปรับตัวลงเกินคาดแตะ 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ควบคู่กับอุปสงค์ในตลาดส่วนใหญ่ที่กำลังอ่อนตัว ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวลงอย่างมากกว่า 7.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ก.ค. 2016
นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าวว่า ยอดส่งออกที่ร่วงลงเกินคาด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เพราะถูกฉุดรั้งจากภาวะการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลงอย่างมากจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว และเราคาดว่าทั้งยอดนำเข้าและส่งออกจะยังอ่อนตัวในไตรมาสข้างหน้าด้วย ขณะเดียวกันนโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็ดูไม่มีทีท่าจะช่วยดันอุปสงค์ทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งปีหลัง โดยที่ยอดนำเข้าก็ยังมีแนวโน้มจะอ่อนตัว
· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงภายในรัฐสภา คืนนี้เวลาประมาณ 21.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยถ้อยแถลงครั้งนี้น่าจะเป็นการกล่าวเรียกความเชื่อมั่นกลับเข้ามาในแผน Brexit หลังพรรคไอร์แลนด์ประกาศจะไม่ให้การสนุนสนุนนโยบายดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ รัฐสภาอังกฤษมีกำหนดจะลงมติข้อตกลง Brexit ภายในคืนพรุ่งนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าร่างนโยบายจะไม่สามารถผ่านการลงมติ
· อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กอร์ดอน บราวน์ คาดการณ์ว่าการลงมติข้อตกลง Brexit ในรัฐสภาคืนพรุ่งนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะไม่สามารถเรียกเสียงสนับสนุนได้เพียงพอ
พร้อมเตือนว่า หากการลงมติล้มเหลว พรรคฝ่ายค้านมีแนวโน้มที่จะเรียกร้องให้เกิดการโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้ภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองของอังกฤษยิ่งยืดเยื้อออกไป และเป็นผลเสียต่อภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า บรรดา ส.ส. ในรัฐสภาอังกฤษมีกำหนดจะร่วมลงมติข้อตกลง Brexit ภายในคืนพรุ่งนี้ ขณะที่เหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือนก่อนอังกฤษจะถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ
ขณะที่แนวโน้มที่การลงมติจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เป็นสิ่งตลาดคาดการณ์เอาไว้
ส่วนผลที่น่าจะตามมาหลังการลงมติ ตลาดคาดการณ์เอาไว้หลายกรณีด้วยกัน ได้แก่ 1) ภาวะล่มสลายของสหรัฐฯ 2) การถอนตัวแบบ No deal หรือ 3)การที่กระบวนการBrexit ถูกยกเลิกทั้งหมด
นักวิเคราะห์จาก Nomura ประเมินว่า เนื่องจากความมั่นคงทางการเมืองของอังกฤษอยู่ในระดับที่สูงมาก จึงทำให้แนวโน้มที่การดำเนินการขั้นต่อไปของรัฐบาลจะเป็นไปได้ทั้ง 3กรณีมีโอกาสแทบจะเท่าๆกัน
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง 1% โดยราคาน้ำมัน Brent ลดลงต่ำกว่าระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล ที่บริเวณ 59.88 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากข้อมูลยอดส่งออกจีนออกมาแย่เกินคาดในรอบกว่า 2 ปี ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัว จึงบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนในปี 2019 รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลกได้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.1% ที่ระดับ 51 เหรียญ/บาร์เรล