· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นตามหุ้น Netflix และหุ้นบริษัทเทคโนโลยี โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +155.75 จุด ที่ 24,065.59 จุด ขณะที่ S&P 500 ปิด +1.07% ที่ 2,610.3 จุด และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่ดัชนี S&P 500 สามารถปิดเหนือ 2,600จุด ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่เหล่าเทรดเดอร์เฝ้าจับตา ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด +1.7% ที่ 7,023.83 จุด
ตลาดหุ้นมีการอ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับเสียงคัดค้านจากบรรดาสมาชิกในรัฐสภา และส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ที่อาจได้รับผลกระทบจากผลลัพธ์ดังกล่าว
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นได้ ท่ามกลางตลาดที่มีแรงซื้อในช่วงปลายตลาด ก่อนเข้าสู่การลงมติข้อตกลง Brexit โดยดัชนี Stoxx600 ปิดปรับขึ้นประมาณ 0.3% จากหุ้นหลักส่วนใหญ่ที่ปิดแดนบวกเช่นกัน
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดด้วยท่าทีระมัดระวังแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดแดนบวกเมื่อวานนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิดทรงตัวในเช้านี้
· นักบริหารการเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.82-32.08 บาท/ดอลลาร์
· ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผย Krungthai Macro Research คาดเศรษฐกิจไทยปี 62 จะเติบโตราว 4.1% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 4.3% ในปีก่อน โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้เปลี่ยนจากการส่งออกและการท่องเที่ยว มาเป็นการลง ทุนเอกชนและภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นในช่วงหลังของปี จากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจฐานรากของภาครัฐจะช่วยเสริมกำลังซื้อของภาคครัวเรือนด้วย
· ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 4.1% โดยการใช้จ่ายภาย ในประเทศจะมีความสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ผนวกกับมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP fast track) และการเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องตามการกระเตื้องของรายได้ภาคเกษตร รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการ จ้างงานนอกภาคเกษตร