โดยราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 1% ที่บริเวณ 1,410.50 เหรียญ หลังจากทำ All-time-high ที่ 1,434.50 เหรียญเมื่อวานนี้ สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ พลาเดียมมีแนวโน้มปิดตลาดสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ด้วยผลประกอบการรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. ส่วนภาพรวมรายเดือน พลาเดียมปรับสูงได้ประมาณ 12%
พลาเดียม ซึ่งมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบในระบบลดการปล่อยมลพิษของยานพาหนะ ได้ปรับสูงขึ้นมาเกือบ 70% นับตั้งแต่ราคาทำจุดต่ำสุดเมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค. และเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ที่ราคาพลาเดียมสูงกว่าราคาทองคำ
· นักวิเคราะห์จาก UBS Wealth Management ระบุว่า เป็นปีที่ 8 แล้ว ที่พลาเดียมยังคงขาดแคลนในตลาด และยังคงไร้สัญญาณว่าภาวะดังกล่าวจะหมดลงไปในเร็วๆนี้ ดังนั้นสิ่งที่ตลาดควรจับตาคือ เมื่อไหร่ที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์จะหันมาใช้แพลทตินั่มที่ราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่แถว 800 เหรียญ แทนที่พลาเดียม
· รายงานจาก Reuters ระบุว่า การถือครองพลาเดียมของบรรดากองทุน ETF ได้ปรับลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากระดับสูงสุดในเดือน ม.ค. ปีที่แล้ว ท่ามกลางการเทขายทำกำไรจากภาวะตึงตัวของอุปทาน
· ด้านราคาทองคำทรงตัวที่บริเวณ 1,292 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำทรงตัวบริเวณ 1,291.60 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก GoldSilver Central ระบุว่า ราคาทองคำยังมีปัจจัยหนุนจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวหลังตลาดรับข่าวเกี่ยวกับการสัญญาณปรับลดภาษีนำเข้าที่ถูกปฏิเสธไปในภายหลัง จึงทำราคาทองคำไม่ค่อยเคลื่อนไหวนัก
· รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่อนคลายภาษีนำเข้าจากจีน รวมถึงยกเลิกนโยบายภาษีบางส่วนระหว่างการเจรจาการค้ากับจีนที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. นี้
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในภายหลัง
· ราคาทองคำมีแนวโน้มปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ท่ามกลางแรงหนุนจากกระแสคาดการร์เกี่ยวกับการชะลอขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับประเด็น Brexit
· นักวิเคราะห์จาก INTL FCStone ระบุว่า ราคาทองคำจำเป็นต้องมีแรงหนุนเพิ่มเติม จึงจะสามารถปรับขึ้นต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นก่อนอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ การปรับลดลงของตลาดหุ้น หรือสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· นักวิเคราะห์จาก Reuters ระบุว่า ราคาทองคำน่าจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น หลังภาวะสะสมพลังระหว่าง 1,285 – 1,299 เหรียญ มีสัญญาณว่าจะจบลงเร็วๆนี้
· ด้านราคาแพลทตินั่มปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 807.50 เหรียญ ขณะที่ราคาซิลเวอร์ทรงตัวบริเวณ 15.53 เหรียญ
· จากกราฟราคาทองคำ จะเห็นได้ว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน ได้ตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะ "Golden Crossover" ที่บ่งชี้ถึงทิศทางขาขึ้นในระยะยาวของทองคำ
อย่างไรก็ตาม ภาวะ “Golden Crossover" ดูเหมือนจะไม่สามารถซื้อใจบรรดานักลงทุนฝั่งขาขึ้นได้เท่าไหร่นัก เนื่องจากราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,290 เหรียญ ติดต่อกันเกือบทั้งสัปดาห์ ดังนั้นโอกาสที่ราคาจะ Break ระดับ 1,300 เหรียญ จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ เส้น Relative Strength Index (RSI) ราย 14 วัน ได้หลุดจากภาวะ Overbought และยังหลุดเส้นเทรนขาขึ้น จึงบ่งชี้ว่าทิศทางขาขึ้นของทองคำเริ่มหมดกำลังลง และมีโอกาสที่ราคาอาจย่อตัวลงได้