· ตลาดการเงินสหรัฐฯปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวัน Martin Luther King Jr. Day
· ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวานนี้ปิดปรับตัวลง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาสะท้อนถึงภาวะชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.26% ควบคู่กับหุ้นหลักกลุ่มใหญ่ที่เคลื่อนไหวแดนลบ
นักลงทุนในตลาดต่างกังวลต่อภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนหลังจากที่จีดีพีปี 2018 ขยายตัวได้ 6.6% เมื่อเทียบรายปี อันได้รับผลกระทบจากข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ แม้ในปัจจุบันทั้งสองผู้นำจะมีการสงบศึกทางการค้าเป็นการชั่วคราวในระยะเวลา 90 วันก็ตาม
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบเช้านี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกหลังรายงาน IMF หั่นคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกเมื่อวานนี้
ดัชนีนิกเกอิ และ Topix ของญี่ปุ่นเปิดร่วง -0.18% และ -0.22% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิดทรงตัว แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 4/2018 จะออกมาดีกว่าที่คาดก็ตาม
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.70-31.85 บาท/ดอลลาร์ สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน รวมทั้งติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย
· กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ธ.ค.61 โดยภาพรวมการส่งออกมีมูลค่า 19,381 ล้านเหรียญ ลดลง 1.72% จากตลาดคาดว่าจะลดลง 0.6% ส่วนภาพรวมทั้งปี 61การส่งออกขยายตัว 6.7% มีมูลค่า 252,486 ล้านเหรียญ
· รองนายกรัฐมนตรีไทย เผยภาพรวมการส่งออกในปี 61 ที่ขยายตัว 6.7% ว่าถือว่ายังเป็นการเติบโตในระดับที่สูง เพราะหากมองจากเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ การที่ไทยยังสามารถยืนอยู่ได้ในระดับนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สามารถประคับคองให้ยังเติบโตได้ แต่ว่าจากนี้ไปควรจะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างสินค้าส่งออกให้มีความหลากหลาย จะได้มีพลังในการแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น