· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ ประกอบกับรายงานจาก IMF ที่ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 301.87 จุด ที่ระดับ 24,404.48 จุด ท่ามกลางการอ่อนตัวของหุ้น Goldman Sachs และ Caterpillar ขณะที่หุ้น S&P500 ปิด -1.4% ที่ 2,632.9 จุด ท่ามกลางหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและภาคการสื่อสารที่ปรับตัวลง ทางด้าน Nasdaq ปิด -1.9% ที่ 7,020.36 จุด
ทั้งนี้ หุ้นหลักของสหรัฐฯเปิดปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ หลังจากที่วันจันทร์ตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Martin Luther King Jr. Day
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบในเช้านี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯยกเลิกแผนการประชุมกับจีนในสัปดาห์นี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.42% ขณะที่ Topix เปิด -0.54% ขณะที่ตลาดรอคอยผลประชุมบีโอเจในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ย
ทางด้านตลาดหุ้นเกาหลีใต้อย่าง Kospi เปิด -0.29% และดัชนี ASX200 ของออสเตรเลียเปิด -0.18%
· นักบริหารเงิน คาดเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.70-31.85 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทปิดตลาดเมื่อวานที่ 31.81 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 31.76 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.77-31.85 บาท/ดอลลาร์ โดยไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค หลังดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากมีแรงซื้อกลับเข้ามา สำหรับปัจจัยที่ตลาดต้องติดตามคือ การส่งสัญญาณของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังจากสิ้นสุดมาตรการ QEแล้ว
· สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาทของไทยติดอันดับสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 5% ขณะที่รูเปียห์ของอินโดนีเซียตามมาเป็นที่ 2 โดยปรับตัวขึ้นเกือบ 2%
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของบาทกำลังเป็นปัจจัยกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกลดลงเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนธ.ค.61