Key Points:
- เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกปี 2017 หรือเป็นช่วงที่ “ทรัมป์” ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
- การชะลอตัวทางเศรษฐกิจมาจากการปรับลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัจจัยต่างๆ อาทิ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก, ภาวะสงครามการค้า และภาวะ Shutdown
- นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะประสบภาวะชะลอตัว แต่ไม่คาดว่าจะเกิดภาวะถดถอยขึ้นในปีนี้
CNBC ระบุถึงกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ที่มีมุมมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเติบโตได้ช้าที่สุดนับตั้งแต่ที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็ไม่คิดว่าจะส่งผลให้เกิดภาวะถดถอยอย่างที่บางฝ่ายเป็นกังวล
ในสัปดาห์นี้ความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะถดถอย มาจากรายงานจีดีพีประจำปี 2018 ของจีน ที่แสดงให้เห็นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ ที่ระดับ 6.6% ขณะที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่บางราย อย่าง Bridgewater กล่าวเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในที่ประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีแนวโน้มจะเห็นเศรษฐกิจชะลอตัว แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็ไม่คิดว่าจะทราบข้อมูลได้มากพอ อันเนื่องจากผลกระทบของภาวะ Shutdown ขณะที่ข้อมูลยอดขายบ้านมือสองในเดือนธ.ค. ออกมาแย่ลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 3 ปี ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็อ่อนตัวลงแตะ 90.7 จุด ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต.ค. ปี 2016 ท่ามกลางข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ยังแข็งแกร่ง แต่ ISM ได้เผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Moody’s Analytics กล่าวว่า มีเพียงข้อมูลที่สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในปีนี้ แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯจะประสบภาวะดังกล่าวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งการที่เราคิดถึงผลลบมาจากการที่เศรษฐกิจมีความอ่อนแอ ประกอบกับแรงกดดันทางการเมืองที่ดูจะรุนแรงมากขึ้น และกลุ่มผู้กำหนดนโยบายจะเริ่มตอบรับในการหานโยบายมาดำเนินการกับผลกระทบดังกล่าว
ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ คาดว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเกิดขึ้นในปี 2020 และดูจะมีสัญญาณขาลงต่อมากกว่าที่เราคาดการณ์กันไว้ โดยเรื่องที่กังวลนั้นมาจากภาวะทางการเมืองและการต่อต้านชาตินิยมที่เกิดขึ้น
ล่าสุดรายงานจาก IMF ตอกย้ำความอ่อนแอทางเศรษฐกิจโลก โดยปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ลงสู่ระดับ 3.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.7% ท่ามกลางปัญหาขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังตอบรับกับปัจจัยต่างๆ และจะมีผลในช่วงไตรมาสแรก หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกลับมายืนเหนือ 2% ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2017 ซึ่งผลบางส่วนมาจากภาวะ Trade War ที่ดูจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก และส่งผลต่อสหรัฐฯด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Shutdown รัฐบาลสหรัฐฯที่ดูจะค่อนข้างกัดกร่อนภาวการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างหนัก
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Strategas กล่าวว่า ในไตรมาสแรก ประเด็นใหญ่คือเรื่องของภาวะ Shutdown แต่เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯก็จะยังขยายตัวได้เหนือ 2% ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ดำเนินไป และแน่นอนว่าก็มีโอกาสเห็นผลลัพธ์ที่กดดันให้เศรษฐกิจเคลื่อนไหวต่ำกว่า 2% ได้ หรืออาจเรียกได้ว่า Shutdown ไม่เพียงแต่เป็นผลลบครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังถือเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับด้าน
และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าเป็นกังวลคือเรื่องที่ว่า เฟดอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวจากการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป แต่เฟดอาจปรับท่าทีมาเป็นเชิงผ่อนคลายมากขึ้น รวมทั้งอาจชะลอแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยไป แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนก็ยังคงอยู่นับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัว
ที่มา: CNBC