นักวิเคราะห์ ระบุว่า สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเฟดครั้งแรกในปีนี้ และราคาทองคำอาจจะได้รับผลประโยชน์ เนื่องจากตลาดคาดว่าเฟดจะไม่ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
นักกลยุทธ์และผู้จัดการด้านพอร์ตการลงทุนจาก VanEck มีมุมมองต่อ 2 ปัจจัยสำคัญที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ดังนี้:
ปัจจัยที่หนึ่ง หากเฟดยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการดำเนินนโยบายทางการเงิน ซึ่งอาจผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯให้เข้าสู่ภาวะถดถอย และอาจนำมาสู่ความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากรัฐบาลและบริษัทที่มีหนี้มาก
ปัจจัยที่สอง หากเฟดดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปและผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ก็จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งทั้งสองปัจจัยช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้นได้
โดยถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดคนปัจจุบัน ส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น หลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อดู ทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯเพื่อเป็นแนวทางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด พร้อมทั้งส่งสัญญาณต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้ง ในปีนี้
ทั้งตลาดหุ้นและน้ำมันดิบต่างเห็นด้วยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่า นายเจอโรม ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ผิดพลาด ขณะที่นักวิเคราะห์กลับมองว่า ไม่ควรตำหนิโพเวลล์เพียงผู้เดียว ซึ่งมองว่าผู้ที่ควรรับผิดชอบร่วมกันคือประธานเฟดคนก่อนๆที่ใช้เวลานานมากเกินไปในการปรับอัตราดอกเบี้ยให้เข้าสู่ภาวะปกติ
เครื่องมือ Fedwatch จาก CME มองว่ามีโอกาสน้อยกว่า 25% ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งเดียว อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านประเมินว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่มีมุมมองต่อราคาทองคำในระยะยาวจะปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 1,365 เหรียญ หากตลาดยังคงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจ และเชื่อว่าเป็นปีที่ดีต่อการลงทุนในทองคำ แม้ว่าราคาทองคำในช่วงนียังคงทรงตัวเหนือแนวรับสำคัญได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ยังคงขาดปัจจัยหนุนที่จะผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้นผ่านระดับ 1,300 เหรียญไปได้