· ดัชนีดาวโจนส์ปิด -22.38 จุด ที่ระดับ 24,553.24 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.1% ที่ 2,642.33 เหรียญ และ Nasdaq ปิด +0.68% ที่ 7,073.46 เหรียญ
ทั้งนี้ ดาวโจนส์ปิดอ่อนตัวลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยที่ นายวิลเบอร์ รอส เลขาธิการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จีนและสหรัฐฯยังไม่เข้าใกล้การบรรลุร่วมกันทางการค้า โดยมองว่ายังอยู่ไกลจากที่จะทำข้อตกลงให้บรรลุผลกับจีนได้ เนื่องจากทั้งสองประเทศยังคงมีข้อแตกต่างกันจำนวนมากในหลายๆประเด็น
ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างที่ตัวแทนจากจีนและสหรัฐฯต่างพยายามที่จะผลักดันข้อตกลงทางการค้าให้ได้ก่อนช่วงต้นเดือนมี.ค. เพราะหากไม่สามารถหาข้อตกลงได้แล้ว ก็มีโอกาสที่สหรัฐฯจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มจะมีผลบังคับใช้ตามมา โดยทั้งสองประเทศมีปัญหา Trade War ระหว่างกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกด้วยท่าทีระมัดระวังจากประเด็นความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับ8วามไม่แน่นอนของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.8% ทางด้าน Topix เปิด +0.7% ทางด้านดัชนี Kospiเปิด +0.42%
· นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.65-31.80 บาท/ดอลลาร์ โดยอ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค
· ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ปัจจัยจากการเลือกตั้งจะช่วยหนุน sentiment ระยะสั้นของประเทศไทย ซึ่งในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ที่มีการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ จะเห็นการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในต่างจังหวัดกลับมาคึกคักมากขึ้น ในขณะที่ด้านตลาดทุนและตลาดหุ้นก็มีโอกาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งได้
พร้อมคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้จะขยายตัวได้ 4.5% จากปัจจัยขับเคลื่อนภายในประเทศ ได้แก่ การลงทุนของภาครัฐ และการบริโภคในประเทศ ซึ่งเข้ามาชดเชยกับปัจจัยด้านการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังเผชิญกับความไม่แน่นอน
ส่วนทิศทางเงินบาทในปี 62 นี้ มองว่าจะมีทิศทางอ่อนค่า โดยในช่วงกลางปีคาดว่าจะอยู่ที่ 33 และที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี จากปัจจุบันที่ค่าเงินบาทถือว่าแข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย ซึ่งแข็งค่าขึ้นราว 3% มาที่ 31.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ