• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562

    1 กุมภาพันธ์ 2562 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังตัวเลขกิจกรรมภาคอุตหกรรมเอกชนของจีนในเดือน ม.ค. ประกาศออกมาอ่อนแอลงด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี

โดยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรีย ที่มักใช้เป็นมาตรวัดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ปรับอ่อนค่าลง 0.4% บริเวณ $0.7246

·         นักวิเคราะห์จาก Bank of Singapore ระบุว่า ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ออกมาอ่อนแอ ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง จึงอาจช่วยให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางภาวะ Risk-off ได้ 

โดยค่าเงินเยนวันนี้ทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่บริเวณ 108.8 เยน/ดอลลาร์ หลังขึ้นไประดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงตลาดก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม มุมมองโดยรวมของตลาดยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าเขาจะมีการประชุมร่วมกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในเร็วๆนี้ เพื่อที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถหาข้อสรุปและร่วมลงนามในข้อตกลงทางการค้า หลังจากที่ตัวแทนการเจรจาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ระบุว่า การเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก

ทางด้านดัชนีดอลลาร์วันนี้ ทรงตัวที่บริเวณ 95.60 จุด สำหรับภาพรวมสัปดาห์นี้ ดัชนีมีแนวโน้มปิดตลาดลดลงไป 0.6% จากมูลค่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์จากต่างคาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์มีแนซโน้มอ่อนค่าตลอดปีนี้ เนื่องจากสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยที่กดดันค่าเงิน

·         ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1446 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงมา 0.3$ ในช่วงตลาดก่อนหน้า โดยค่าเงินไม่มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นได้ในวันนี้ แม้จะมีแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด

·         ส่วนค่าเงินปอนด์ทรงตัวบริเวณ 1.3109 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยตลาดยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะ Brexit อย่างมาก รวมถึงกังวลกับโอกาสเกิดกรณี No-deal Brexit อีกด้วย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ค่าเงินปอนด์จะยังคงทิศทางที่ผันผวนในช่วงสัปดาห์ต่อๆไป เนื่องจากประเด็น Brexit

image.png
·         นักวิเคราะห์จาก Daily FX ชี้ ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอาจเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วัน หลังจากขึ้นทดสอบไม่ผ่านระดับ $1.15 ในช่วงตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ แนวโน้มระยะสั้นจึงโอกาสที่จะปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่เมื่อมองในภาพรวมระยะยาวขึ้นมาหน่อย จะเห็นได้ถึงแรงหนุนในถึงขาขึ้น ดังนั้นนักลงุทนอาจหาโอกาสจากการปรับอ่อนค่าลงในวันนี้ เพื่อเข้าซื้อตอนราคาต่ำ และหาโอกาสขายเมื่อราคาสูงขึ้นในครั้งต่อไป 

เมื่อดูจากกราฟราย $120 นาทีของค่าเงินยูโร จะเห็นได้ว่าค่าเงินเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นแคบๆ ที่เริ่มจากระดับต่ำสุดในรอบเดือน โดยแนวรับจะอยู่ระดับเปิดตลาดของปีนี้ ที่ $1.1449 หากหลุดระดับนี้ลงมา อาจเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ตามมา และเปิดโอกาสให้ค่าเงินร่วงต่อไปถึงบริเวณ $1.14 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ทิศทางขาขึ้นระยะสั้นก็จะจบลง ขณะที่แนวต้านสำหรับวันนี้ยังคงอยู่ที่บริเวณ $1.15 หากทะลุเหนือขึ้นไปจะเปิดทดสอบให้ขึ้นต่อไปได้ถึงบริเวณ $1.1542

·         การจ้างงานในสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอตัวลงในเดือน ม.ค. หลังจากที่ขยายตัวขึ้นได้อย่างมากในเดือน ธ.ค. จากผลกระทบของสภาพอากาศ แต่อัตราการเติบโตของภาคแรงงานน่าจะยังแข็งแกร่งพอที่จะประคับประครองเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารของรัฐบาลและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกต่อไปได้ 

โดยกระทรวงแรงงานแห่งสหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานรายเดือนที่ตลาดจับตาในคืนวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็น 2 วันหลังจากที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยและส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจ

การรายงานตัวเลขการจ้างงานในคืนนี้ ยังนับเป็นสัปดาห์แรกหลังจากที่บรรดาข้าราชการกว่าแสนคนเริ่มกลับเข้ามาทำงาน หลังรัฐบาลถูก Shutdown ไปถึง 35 วัน กตัวเลขการจ้างงานจึงมีแนวโน้มที่จะผิดเพี้ยนไปในคืนนี้ แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจแต่อย่างใด

image.png

ทั้งนี้ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เพิ่มขึ้นได้ 312,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยในแต่ละเดือน ตลาดมองว่าควรสูงกว่า 100,000 ตำแหน่ง ถึงจะสามารถรองรับการเติบโตของจำนวนประชากรวัยทำงานที่เพิ่มขึ้นอยางต่อเนื่องได้

·         นักวิเคราะห์จาก Naroff Economic Advisors ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังอยู่สภาวะที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ล้มเหลวคือการบริหารงานของรัฐบาล

ซึ่งผลกระทบจากภาวะ Shutdown อาจกดดันตัวเลขค่าจ้างเฉลี่ยรายช.ม.และจำนวนวันทำงานในสหรัฐฯได้ดังนั้นการประกาศตัวเลขในคืนนี้ อาจมีความขัดแย้งกับตัวเลขในเดือน ธ.ค. ได้ค่อนข้างมาก

·         สำหรับตัวเลขด้านอัตราว่างงาน ถูกคาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% แต่นักวิเคราะห์จาก BLS ก็ได้เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่ภาวะ Shutdown อาจกระตุ้นอัตรางานว่างเพิ่มสูงขึ้นได้ เนื่องข้าราชการที่ถูกพักงานชั่วคราว จะถูกจัดรวมไปในกลุ่มของผู้ที่ว่างงาน ซึ่งทาง BLS คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานอาจขยายตัวสู่ระดับ 4.1% ซึ่งจะเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี

·         รายงานจากสำนักข่าว Xiahua ระบุว่า ทีมตัวแทนการเจรจาของสหรัฐฯ จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของประเทศจีน ภายเดือน ก.พ. เพื่อสานต่อการเจรจาทางการค้า 

โดยทีมเจรจาของสหรัฐฯจะประกอบไปด้วยนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้า และนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง

ขณะที่นายหลิว เห่อ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของจีน ได้ยืนยันว่า จีนและสหรัฐฯจะรักษาการติดต่อที่ใกล้ชิดเอาไว้ จนกว่าจะถึงวันเจรจาอีกครั้ง

ขณะที่ทีมเจรจาการค้าของจีนที่ร่วมการประชุมในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ได้ระบุว่า การเจรจากับสหรัฐฯมี ความคืบหน้าครั้งสำคัญ

·         ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันนี้ ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในไม่ช้า รวมทั้งความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลการชะลอตัวทางเสณษฐกิจจีน 

ราคาน้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ระดับ 60.93 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ระดับ 53.80 เหรียญ/บาร์เรล

โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่า เขาจะมีการประชุมร่วมกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในเร็วๆนี้ เพื่อที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถหาข้อสรุปและร่วมลงนามฝนข้อตกลงทางการค้า

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตจีนประจำเดือนม.ค.ที่ออกมาอ่อนแอมากที่สุดในรอบ 3 ปี จึงเป็นการตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ แต่เทรดเดอร์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการลดอุปทานของกลุ่มโอเปก ซึ่งผลการสำรวจจาก Reuters พบว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกประจำเดือนม.ค. ปรับตัวลดลง 890,000 บาร์เรล/วัน ลงไปแตะระดับ 30.98 ล้านบาร์เรล/วัน

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com