· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางตลาดที่ให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการของบริษัท และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญประจำคืนนี้ โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.3% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางข้อมูลภาคการผลิตของจีนที่ออกมาไม่สดใส ส่งผลต่อมุมมองเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนก่อนที่จะทราบการประกาศข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯในืนนี้ โดยเหล่านักวิเคราะหฺ ไม่มั่นใจว่าผลกระทบการภาวะ government shutdown อาจจะส่งผลต่อการจ้างงานหรือไม่
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้รญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 0.2%
· นักเศรษฐศาสตร์จาก Commonwealth Bank of Australia ระบุว่า เหล่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจว่าข้อตกลงทางการค้าจะสามารถบรรลุได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ดี ยังคงกังวลว่าตลาดอาจผิดหวังต่อผลการเจรจา เนื่องจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาในครั้งนี้เป็นเพียงบรรดานักการเมืองระดับสูง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าแต่อย่างใด จึงเป็นปัจจัยกดดันให้ทั้งสองฝ่ายเร่งหาข้อตกลงทางการค้าให้ได้โดยเร็ว
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทรงตัว ท่ามกลางผลประกอบการที่แย่ของบริษัท เช่น Nomura Holdings และ Nintendo ซึ่งไปกดดันผลประกอบการที่ดีขึ้นในภาคอื่น ๆ และการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.07% ที่ระดับ 20,788.39 หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นไปบริเวณ 20,929.63 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนีปรับลดลงเล็กน้อย 0.1%
ผู้จัดการทั่วไปของ SMBC Nikko Securities กล่าวว่า ตลาดมีการเคลื่อนไหวผันผวน ขึ้นและลงสลับกัน ท่ามกลางการประกาศผลประกอบการของบริษัท ขณะที่จะเห็นการเคลื่อนไหวในตลาดที่คล้ายกัน เนื่องจากยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่จะมีการประกาศผลประกอบการในสัปดาห์หน้า
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ก่อนหน้าวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ท่ามกลางการเดินหน้าเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่เหล่านักลงทุนชะลอความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.3% ที่ระดับ 2,618.23 สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์เพิ่มสูงขึ้น 0.6%
· น.พ. ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า "ภารกิจของกสทช. ในการผลักดันประเทศไทยให้มีความพร้อมก้าวเข้าสู่ยุค 5G เทียบเท่ากับสากลนั้น เป็นภารกิจที่ใหญ่และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้การสนับสนุน ทั้งการจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ และการสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์จากการใช้ 5G ซึ่งจะเข้าไปมีบทบาทและมีบริการที่เกี่ยวกับหลากหลายภาคส่วน อาทิ อุปกรณ์เชื่อมต่อ Internet of Things (IoT) ระบบการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System: ITS) ระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth) เป็นต้น ซึ่งกสทช. เชื่อว่าว่าการลงทุนจัดตั้งTrue Lab นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี 5G ของประเทศไทยมีความรุดหน้าอย่างรวดเร็วและนำพาให้ไทยเข้าสู่ 5G ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้คือภายในปี 2563 นี้ โดยกสทช.มีความตั้งใจที่จะช่วยผลักดันเอกชนให้เกิดบริการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และที่สำคัญคนไทยได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี 5G ได้รับประโยชน์จากการประยุกต์ใช้งานต่างๆ อย่างทั่วถึง"