ราคาทองคำปรับลดลง 0.4% บริเวณ 1,313.38 เหรียญ หลังทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. ที่ระดับ 1,326.30 เหรียญ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ด้านราคาสัญญาทองคำ COMEX ปรับลดลง 0.4% บริเวณ 1,316.8 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ระบุว่า การปรับร่วงลงของราคาทองคำจากระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณความต้องการทองคำที่ลดลง แม้ว่าจะยังมีปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดทางการเมืองอย่างภาวะ Shutdownหรือ Brexit ก็ตาม แต่เนื่องจากตลาดได้คลายความกังวลกับประเด็นที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็คือการดำเนินนโยบายของเฟดไปเกือบหมดแล้ว
ขณะที่ นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนมี “สัญญาณบวก” แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ในที่สุด
ด้านค่าเงินดอลลาร์ เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯประกาศออกมาสดใส
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบได้ จึงกดดันความต้องการทองคำในฐานะ Safe-haven ลงมา แต่มุมมองเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากเฟดก็ยังไม่ได้หายไปไหน และยังหนุนราคาทองคำได้อยู่
· นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ตลาดจะจับตาความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้า ซึ่งหากสัญญาณความคืบหน้าออกมาในทิศทางบวก ก็อาจทำมห้ตลาดมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก และอาจเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายของเฟดได้
ขณะที่ตลาดทองคำค่อนข้างซบเซาในวันนี้ เนื่องจากตลาดจีนจะหยุดทำการทั้งสัปดาห์ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
· นักวิเคราะห์จาก Reuters คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะลงทดสอบระดับ 1,311 เหรียญ หากหลุดลงไปจะเปิดทางให้ปรับลงต่อไปได้ถึงระดับ 1,299 เหรียญ
· ผลสำรวจจาก Kitco พบว่า บรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกภายในสัปดาห์นี้
โดยปัจจัยที่น่าจะหนุนราคาทองคำต่อในสัปดาห์นี้ ตลาดคาดว่าจะเป็นสัญญาณผ่อนคลายทางนโยบายการเงินจากเฟดที่ประชุมไปเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรอตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งน่าไปจะกดดันค่าเงินดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นแทน
นอกจากนี้ ตลาดยังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ จะประกาศออกมามากกว่าที่คาดที่ระดับ 304,000 ตำหน่งก็ตาม
ทั้งนี้ แบบสำรวจ Wall Street ที่สอบถามความคิดเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ทั้งหมด 16 คน พบว่ามีนักวิเคราะห์ 10 คนหรือ 63% มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นสัปดาห์นี้ ขณะที่อีก 2 คน หรือ 13% มองว่าราคาจะปรับลดลง และอีก 4 คน หรือ 25% มองว่าราคาจะเคลื่อนไหว Sideways
ขณะที่แบบสำรวจ Main Street ที่สอบถามความคิดเห็นของบรรดานักลงทุนทั่วไปทั้งหมด 561 คน พบว่ามีนักลงทุน 357 คนหรือ 64% มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อีก 135 คน หรือ 24% มองว่าราคาจะปรับตัวลดลง และอีก 69 คน หรือ 12% มองว่าราคาจะค่อนข้างทรงตัว
Colin Cieszynski หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์จาก SIA Wealth Management มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยได้กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจัยที่กดดันราคาทองคำในสัปดาห์นี้จึงหายไป อีกทั้งยังมีปประเด็นความตึงเครียดทางการเมืองหรือทางเศรษฐกิจในหลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็น เวเนซุเอลา ยุโรป และจีน เป็นต้น ทำให้ทองคำมีความต้องการในฐานะ Safe-haven ในระดับที่แข็งแกร่ง
Kevin Grady ประธาน Phoenix Futures and Options LLC มองราคาทองคำเป็นขาขึ้น เนื่องจากราคาสามารถยืนเหนือระดับ 1,305 เหรียญได้อย่างแข็งแกร่ง และมีการทำ Short covering เข้ามาบางส่วน ส่วนปริมาณการเปิดสถานะ Longพบว่ามีเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 สัญญา
ทั้งนี้ ตลาดจะจับตาประเด็นความตึงเครียดทางการเมืองเป็นหลักภายในสัปดาห์นี้ ประกอบกับการที่จีนจะเข้าสู่วันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน จึงอาจช่วยให้มีปริมาณเช้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นตามมาได้
· ขณะที่นักวิเคราะห์จาก ABC Bullion มองว่าราคาทองคำจะย่อตัวลงไปถึงแนวรับที่บริเวณ 1,306 – 1,310 เหรียญ แต่ภาพรวมราคาทองคำก็ยังคงมีแรงหนุนที่แข็งแกร่ง
· ด้านราคาพลาเดียมทรงตัวบริเวณ 1,350.59 เหรียญ ขณะที่ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.5% บริเวณ 15.84 เหรียญ และราคาแพลทินั่มปรับลดลง 0.1% บริเวณ 820.74 เหรียญ