Alex Wolf หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนประจำ J.P. Morgan ระบุว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนที่มุ่งหวังจะเข้ามาช่วยกอบกู้ให้เศรษฐกิจจีนสามารถรักษาการเติบโตท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกนั้น “ไม่ได้ผล”
โดยนักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ เนื่องจากมาตรการที่ใช้ในปัจจุบัน ช่วยกระตุ้นผลผลิตหรือช่วยให้ความเชื่อมั่นกลับเข้ามาในตลาดได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น และบางทีอาจไม่มีผลกระทบเลยเสียด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ รายงานจากรัฐบาลจีนระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลงในปีที่แล้ว สู่ระดับ 6.6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี โดยนักวิเคราะห์จาก Citi มองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะยังชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 1/2019 เมื่อพิจารณาจากปัจจัยกดดันจากทั้งในและนอกประเทศ
นอกจากนี้ ตัวเลขของภาคการผลิตจีนที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยังแสดงให้เห็นอีกว่ากิจกรรมภาคอุตสาหกรรมได้ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดในเดือน ม.ค. โดยดัชนีคำสั่งซื้อของภาคการผลิต (PMI) ในดือน ม.ค. ประกาศออกมาที่ระดับ 48.3 จุด ถือเป็นการชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และยังเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016
ขณะที่ตลาดหุ้นจีน แม้จะดูน่าดึงดูดให้เข้าซื้อท่ามกลางมูลค่าของหุ้นที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงสุด แต่นักวิเคราะห์ก็เตือนว่า ไม่ควรเข้าซื้อในช่วงนี้ เพราะยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นกับดัก และมูลค่าอาจปรับร่วงลงได้มากกว่านี้
สำหรับปัจจัยที่จะสามารถช่วยเกื้อกุลเศรษฐกิจจีนที่กำลังอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นด้านอัตราการเติบโต อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม นักกวิเคราะห์มองว่า ปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยหนุนได้ มีแค่การเจรจาทางการค้าระหว่งาจีนและสหรัฐฯเท่านั้น โดยหากมีสัญญาณบวกจากการเจรจา ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็จะเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมา
ที่มา: CNBC