• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562

    6 กุมภาพันธ์ 2562 | Economic News

·       ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ และมีการตอบรับเพียงเล็กน้อยต่อถ้อยแถลงของนายทรัมป์ต่อสภาคองเกรส ที่ดูเหมือนจะกล่าวถึงประเด็นทางการค้าและงบประมาณในรายงาน แต่ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนดูจะแปลกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในการกล่าวถ้อยแถลงประจำปีในวันนนี้ นายทรัมป์ ยังระบุถึง กลุ่มผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายที่กำลังกลายเป็นวิกฤตเร่งด่วนสำหรับประเทศ รวมทั้งยังกล่าวย้ำถึงความต้องการสร้างกำแพงพรมแดน โดยที่นายทรัมป์ยังระบุว่า ข้อตกลงการค้ากับทางจีนจำเป็นต้องเกิดขึ้นได้จริงและมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อยุติความไม่ยุติธรรมทางการค้า รวมทั้งการปรับลดยอดขาดดุลทางการค้าระหว่าง และการปกป้องแรงงานชาวอเมริกา

·       ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 96.072 จุด ขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากที่เมื่อไม่นานนี้ไปทำระดับสูงสุดเกือบ 2 สัปดาห์ที่ 96.135 จุด

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับลง 0.1% ที่ 0.7165 หลังจากที่ธนาคารกลางออสเตรเลียยังคงดอกเบี้ยด้วยระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.5% นับตั้งแต่ส.ค. ปี 2016 พร้อมกล่าวย้ำถึงแนวโน้มการดำเนินการครั้งไปที่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยได้

ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1400 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่วันก่อนร่วงลงไป 0.25% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 28 ม.ค.

·       Daily FX คาด EUR/USD อาจอ่อนค่าลงอีก หลังการประกาศตัวเลขของเยอรมนี

นักวิเคราะห์จาก Daily FX คาด ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงอีกเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังการประกาศตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงาน (Factory Orders) ของเยอรมนี เวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนที่ชะลอตัว -1.0%ท่ามกลางเศรษฐกิจอื่นๆในยูโรโซนที่ต่างส่งสัญญาณของการชะลอตัวไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสและอิตาลี รวมถึงข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ก็กำลังส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจยูโรโซนเช่นกัน

ทั้งนี้ แนวโน้มที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้สำหรับค่าเงิน EUR/USD หลังการประกาศตัวเลข คือการที่ค่าเงินย่อตัวลงใกล้บริเวณ 1.1358 หากตัวเลขออกมาน่าผิดหวัง ส่วนกรณีที่ตัวออกมาสดใส ค่าเงินอาจปรับแข็งค่าขึ้นไปบริเวณ 1.1435 ได้

·       FXStreet ชี้ เงินเยนกลับมาแข็งค่าหลังไมผ่าน 110 เยน/ดอลลาร์ในช่วง 3 วันทำการ ขณะที่ถ้อยแถลงของนายทรัมป์ส่งผลเล็กน้อยต่อดัชนีS&P500 Futures รวมทั้งสินค้าอื่นๆในตลาด

·       รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า ทีมตัวแทนเจรจาการค้าของสหรัฐฯ นำโดยนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ และนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีกำหนดการจะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อร่วมประชุมกับตัวแทนจากจีน เพื่อพยายามหาข้อตกลงร่วมกันให้ทันก่อนถึงเดดไลน์ในวันที่ 2 มี.ค.

โดยทีมเจรจาของสหรัฐฯน่าจะเดินทางถึงประเทศจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ในสัปดาห์นี้ จีนยังคงอยู่ในช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน

·       นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวย้ำว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและจีนยังไม่ประสบผลสำเร็จ หรือมีท่าทีแอนตี้ทางการค้าระหว่างกันมากกว่านี้ก็ดูจะส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบ โดยอุปสงค์น้ำมันก็อาจลดลงตามหากเศรษฐกิจโลกเผชิญกับภาวะขาลงหรือปรับลดการขยายตัว

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นกล่าวแถลงการณ์นโยบายประจำปีต่อรัฐสภา โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ :

ยืนยันจะเดินหน้าก่อสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก

ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ต้องสามารถหยุดยั้งการค้าขายที่ไม่ยุติธรรมกับสหรัฐฯได้จริง

เรียกร้องให้สภาผลักดันนโยบายขึ้นภาษีจีน

ยืนยันจะพบกับคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ วันที่ 27-28 ก.พ. ในประเทศเวียดนาม

·       ผลสำรวจจาก Reuters พบว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า หากอังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบมีข้อตกลงบางส่วน (Hard Brexit) ค่าเงินปอนด์อาจแข็งค่าได้ 2-5% แต่หากอังกฤษถอนตัวแบบ No-deal  ค่าเงินปอนด์อาจอ่อนค่าลงได้ถึง 5-10%

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Investec มองว่า บรรดานักลงทุนกำลังรอสัญญาณสุดท้ายจากประเด็น Brexit เพื่อที่จะทำการเทขายค่าเงินปอนด์ ดังนั้นค่าเงินจึงมีการเคลื่อนไหวที่ไม่มากนักในช่วงนี้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ท่าทีของ Brexit มีความชัดเจนถึงที่สุด โอกาสที่ค่าเงินจะมีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญก็จะเกิดขึ้นตามมา

นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังมองว่า ค่าเงินปอนด์น่าจะเคลื่อนบริเวณ 1.31 ดอลลาร์/ปอนด์ ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ และจะอยู่บริเวณ 1.40 ดอลลาร์/ปอนด์ ภายในระยะเวลา 1 ปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 8% จากระดับปัจจุบันที่ 1.297 ดอลลาร์/ปอนด์

·       ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการ แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่จำกัดการปรับตัวขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวที่ 53.74 เหรียญ/บาร์เรล หรือขึ้นมาประมาณ 8 เซนต์ จากระดับปิดเมื่อคืนนี้ ทางด้านราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้นเพียง 7 เซนต์ ที่ 62.05 เหรียญ/บาร์เรล

อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลกได้กดดันความเชื่อมั่นในตลาด จึงบดบังแรงสนับสนุนจากสัญญาณที่ว่าอุปสงค์ทั่วโลกกำลังตึงตัว

·       ราคาน้ำมันการปรับลดลงเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ปัจจัยที่กดดันให้ราคาปรับลดลงยังไม่มีความชัดเจน โดยสำนักข่าวบางแห่งระบุว่า เป็นผลจากการประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯโดย ISM แต่ความจริงแล้วราคาปรับลดลงก่อนหน้าการประกาศถึง 4 ช.ม. ทั้งนี้ Daily FX มองว่า การที่บรรดาผู้นำประเทศในยูโรโซนออกมาแสดงการสนับสนุนนายฮวน กุยโด ผู้นำฝ่ายค้านในเวเนซุเอลา ส่งผลให้ตลาดตั้งความหวัง แรงสนับสนุนจากนานาประเทศ จะช่วยภาวะวิกฤติทางการเมืองของเวเนซุเอลาจบลงได้เร็วยิ่งขึ้น

CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS

ราคาน้ำมันมีการส่งสัญญาณขาลงในรูปแบบ Evening Star ซึ่งบ่งชี้ว่า การปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดของเดือน ธ.ค. อาจจะจบลงเร็วๆนี้ สำหรับแนวรับแรกมองไว้ที่ 49.41 – 50.15 หากหลุดลงแนวนี้ลงไป จะมีโอกาสทดสอบแนว 42.05-55 ในทางกลับกัน หากราคาปรับขึ้นเหนือระดับ 55.75 ที่เป็นระดับสูงสุดของวันที่ 4 ก.พ. ราคาจะมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 57.96-59.05 อีกครั้ง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com