ธนาคารกลางออสเตรเรีย ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจหลากหลายประการ ซึ่งเป็นสัญญาณเปลี่ยนแปลงทิศทางการนโยบายครั้งสำคัญ เนื่องจากทางธนาคารกลางออสเตรเรียมีการดำเนินนโยบายแบบคุมเข้มมาเป็นระยะเวลายาวนาน จึงส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียปรับอ่อนค่าลงอย่างหนัก
ทั้งนี้ ค่าเงินออสเตรเรียดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงแถวบริเวณ $0.7103 หลังจากที่อ่อนค่าลงมาถึง 1.8% ในช่วงตลาดก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราปรับร่วงลงที่มากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี
CMC Markets คาดการณ์ว่า ค่าเงินออสเตรเรียดอลลาร์จะลงไปทดสอบบริเวณ $0.70 ในเร็วๆนี้
· ด้านค่าเงินเยนทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯที่บริเวณ 109.91 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ประมาณ 1% เมื่อเทียบกับเงินเยนภายในเดือนนี้ หลังความเชื่อมั่นของตลาดเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากผลประกอบการที่ค่อนข้างดีของบรรดาตลาดหุ้น
· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 96.35 จุด โดยยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินยูโร
· ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1364 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากปรับอ่อนค่าลงมา 0.45% ในช่วงตลาดเมื่อคืน สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไปกว่า 1.3% ท่ามกลางมุมมองว่าอีซีบีจะคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่อ่อนแอกว่าคาด
· ส่วนค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย บริเวณ 1.2930 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่ในภาพรวมรายเดือน ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงกว่า 1.3% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ Brexit ในขณะที่อังกฤษเหลือเวลาไม่ถึง 50 วันก่อนจะถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ โดนตลาดจะจับตาดูว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษจะสามารถเจรจาแก้ไขข้อตกลง Brexit กับอียูได้สำเร็จ และเรียกเสียงสนับสนุนจากในรัฐสภาอังกฤษได้เพียงพอหรือไม่
สำหรับในคืนนี้ จะมีการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์คาดว่า บีโออีจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ย เพื่อรอความชัดเจนของ Brexit
· Daily FX คาด USD/JPY มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ
จากกราฟแสดงการถือครองสถานะในค่าเงิน USD/JPY จะเห็นได้ว่า มีนักลงทุน 51.6% ที่ถือครองสถานะ Long ในค่าเงิน ขณะที่อัตราส่วนสถานะ Long ต่อ Short อยู่ที่ 1.07 ต่อ 1.0 ขณะที่ปริมาณการถือครองสถานะ Long น้อยกว่าเมื่อวานนี้ 1.6% และน้อยกว่าสัปดาห์ที่แล้ว 0.9% ส่วนปริมาณการถือครองสถานะ Short น้อยกว่าเมื่อวานนี้ 2.1% และน้อยกว่าสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 4.1%
นักวิเคราะห์จาก Daily FX จึงประเมินว่า ค่าเงิน USD/JPY มีแนวโน้มที่จะปรับอ่อนค่าลงต่อในวันนี้ เนื่องจากมุมมองของตลาดส่วนใหญ่มองค่าเงินไปในทิศทางขาลง
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเสนอชื่อนายเดวิด มัลพาส เข้าชิงตำแหน่งประธานธนาคารโลก (World Bank) โดยนายมัลพาสเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และยังเป็นอดีตที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจในช่วงหาเสียงของนายทรัมป์ ที่มีแนวคิดเชิงต่อต้านการดำเนินงานแบบปัจจุบันของธนาคารโลก
การเสนอชื่อนายมัลพาสให้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่สุดในธนาคารโลก เป็นสัญญาณว่าทีมบริหารของนายทรัมป์ต้องการควบคุมธนาคารโลกมากขึ้น และถึงแม้การลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว อาจเผชิญเสียงต่อต้านจากประเทศสมาชิกบางส่วนจากทั้งหมด 188 ประเทศบ้างก็ตาม แต่ก็คาดว่านายมัลพาสน่าจะผ่านการลงคะแนนและดำรงตำแหน่งตามที่นายทรัมป์ต้องการได้
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กำลังเดินทางไปยังกรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อเข้าร่วมเจรจาข้อตกลง Brexit ร่วมกับนายฌอง คล็อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการแห่งอียู พร้อมด้วยนายโดนัลด์ ทัคส์ ประธานสภายุโรป และนายแอนโตนิโอ ทาจินี สมาชิกสภาอียู
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่อังกฤษจะสามารถเจรจาข้อตกลง Brexit ร่วมกับอียูใหม่ได้สำเร็จนั้น ยังไร้ความชัดเจน ขณะที่อังกฤษเหลืออีกไม่ถึง 50 วัน ก่อนที่จะถึงกำหนดการถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการ
· อัตราการผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีชะลอตัวลงผิดคาดในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นการชะลอตัวติดต่อกัน 4 เดือน จึงยิ่งตอกย้ำถึงกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยูโรโซนกำลังอ่อนแอลง
โดยตัวเลขจากสำนักงานสิถิติของเยอรมนีระบุว่า อัตราการผลิตภาคอุตฯ ชะลอตัวลงสู่ระดับ 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.7%
ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์มองว่า การชะลอตัวลงของภาคอุตสาหกรรมยิ่งตอกย้ำว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 4/2018 ซึ่งจะเป็นสัญญาณยืนยันว่าเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะหดตัว เนื่องจากเศรษฐกิจก็ได้ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3/2018 เช่นกัน
· ราคาน้ำมันเผชิญความเสี่ยง จากการประกาศปัจจัยวันนี้
Daily FX ระบุว่า ปัจจัยที่ตลาดจับตาเป็นสำคัญภายในวันนี้ ได้แก่ 1) การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BOE และ 2)คาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการอียู ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยมีแนวโน้มสูง ที่จะแสดงความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะ BoE ที่เผชิญปัจจัยเสี่ยงอย่างโอกาสเกิดกรณี No-deal Brexit
ดังนั้น จึงมีแนวโน้มสูงที่ราคาน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ จะเผชิญแรงกดดันและปรับร่วงลงมาหลังการประกาศปัจจัยดังกล่าว ในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอาจได้รับแรงหนุนขึ้นมาได้ แต่ก็อาจปรับขึ้นไม่ได้มากนัก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมาเมื่อคืน
· ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังรายงานปริมาณสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯประกาศออกมาเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อัตราการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯก็ยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ตลาดจะมีแรงหนุนจากนโยบายคว่ำบาตรเวเนซุเอลาอยู่ก็ตาม
โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.7% หรือประมาณ 35 เซนต์ บริเวณ 53.66 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.6% หรือประมาณ 39 เซนต์ บริเวณ 62.30 เหรียญ
รายงานจาก EIA (Energy Information Administration) ระบุว่า ปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯได้เพิ่มสูงขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 447.21 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดยทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้มาตั้งแต่ในปี 2018 ทำให้สหรัฐฯเป็นประเทศที่มีปริมาณการผลิตน้ำมันสูงที่สุดในโลก ตามมาโดยรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย
CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS
ราคาน้ำมัน WTI เริ่มชะลอตัว หลังจากปรับร่วงลงมาเมื่อคืน แต่สัญญาณ Evening Star จากในกราฟ ยังคงบ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะปรับร่วงลงต่อได้อีก สำหรับวันนี้ มองแนวรับแรกไว้ที่ระดับ 49.41 - 50.15 หากหลุดลงมาแนวรับถัดจะอยู่ที่ 42.05-55 ในทางกลับกัน หากราคารีบาวน์ขึ้นเหนือระดับ 55.75 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 4 ก.พ. ก็มีโอกาสที่ราคาจะไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 57.96 – 59.05