· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดทรงตัวท่ามกลางความกังวลทางการค้า โดยดัชนี Stoxx 600 ทรงตัวหลังจากที่หุ้นหลักส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ หลังมีรายงานว่า นายทรัมป์ยังไม่มีแนวโน้มจะเข้าพบกับผู้นำจีนในก่อนเดือนมี.ค. และผลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกลับมาพิจารณาว่าพวกเขาอาจบรรลุข้อตกลงระหว่างสองประเทศในเรื่องการค้าได้ก่อน 2 มี.ค. หรือไม่ ซึ่งหากยังล้มเหลวในการหาข้อตกลง นั่นหมายความว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนจะมีผลบังคับใช้ในทันที
ขณะที่รายงานล่าสุดครั้งใหม่ของวันนี้ (วันศุกร์ที่ 8 ก.พ.) นายทรัมป์มีสัญญาณเพิ่มเติมที่จะลงนามคำสั่งคว่ำบาตรอุปกรณ์สื่อสารจีนจากกลุ่มเครือข่ายเน็ตเวิร์กและไวเลสของสหรัฐฯ
· บริษัท Rusal ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านสินค้าอะลูมิเนียมของรัสเซียมีผลประกอบการขยายตัวขึ้นในปี 2019 และคาดว่าจะเห็นราคาอะลูมิเนียมปรับตัวสูงขึ้นต่อ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ช่วยผลักดันให้หุ้นที่อยู่ในรายการของฮ่องกงปรับตัวขึ้นไปกว่า 12% ทำระดับสูงสุดรอบ 10 เดือน
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางนักลงทุนกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับไม่มีความเชื่อมั่นเพียงพอที่ว่าสัญญาณบวกจากการเจรจาแก้ไขปัญหาทางการค้าสหรัฐฯ-จีนจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นปิด -0.5% โดยอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนี HSI ปิด -0.25% และดัชนี Kospi เกาหลีใต้ปิด -1.1%ทางด้านดัชนี Nikkei ทรุดลงไปกว่า 2%
· นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาทว่า ตั้งแต่สิ้นปี 61 จนถึงปัจจุบันแข็งค่า 4.1% ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ และไม่ได้เป็นเงินสกุลที่แข็งค่าที่สุดในโลก เพราะแข็งค่าน้อยกว่าอินโดนีเซียที่แข็งค่าไปถึง 4.3% ส่วนความผันผวนของค่าเงินบาท อยู่ที่ 4.3% ผันผวนน้อยกว่าสกุลเงินของ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอินโดนีเซีย โดยยอมรับว่าการที่ค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่าจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอ ทำให้ค่าเงินในสกุลเงินเกิดใหม่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ อาจมีความเข้าใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ในครั้งก่อนส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าและทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
· นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นหนังสือเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งให้พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ระงับการเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ มหิดล ในรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค เนื่องจากเข้าข่ายขัดต่อระเบียบ กกต.
"ขอให้ กกต.พิจารณาและวินิจฉัยการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่กรรมการบริหารพรรคมีมติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ เป็นการเข้าข่ายขัดต่อระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 หมวด 4 ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17 หรือไม่"หนังสือดังกล่าว ระบุ
บรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และการเสนอรายชื่อผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีวันสุดท้าย ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มคึกคักแต่เช้า และนับเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองครั้งสำคัญ เมื่อ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำเสนอชื่อของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มายื่นต่อ กกต. เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค