ตลาดกำลังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เริ่มต้นเมื่อวานนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าสหรัฐฯจะกดดันให้จีนดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างทางการค้า เพื่อช่วยป้องกันทรัพสินย์ทางปัญญาของสหรัฐฯจากการถูกโจรกรรม รวมถึงการยกเลิกนโยบายที่ให้บริษัทจีนสามารถบังคับโยกย้ายเทคโนโลยีจากสหรัฐฯได้
· นักวิเคราะห์จาก Bank of Singapore ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากความกังวลของตลาด เกี่ยวกับการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังมีฐานะค่าเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว ประกอบกับการที่เศรษฐกิจอื่นๆทั่วโลกต่างพากันชะลอการเติบโตลง
· ดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวที่บริเวณ 97.04 จุด หลังจากแข็งค่าขึ้นมา 0.45% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นอัตราแข็งค่ารายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. โดยดัชนีได้ปรับแข็งค่าติดต่อกัน 8 วันทำการ ท่ามกลางแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร ซึ่งเป็นค่าเงินที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี
· โดยค่าเงินยูโรวันนี้ค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 1.1278 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงมาเกือบ 0.5% เมื่อวานนี้ โดยค่าเงินยูโรได้ปรับอ่อนค่าลงติดต่อกัน 6 วันทำการ ขณะที่บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่า ค่าเงินยังมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก หลังจากที่ค่าเงินหลุดแนวรับสำคัญที่ 1.13 ดอลลาร์/ยูโรลงมา
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก BK Asset Management มองแนวรับถัดไปของค่าเงินยูโรไว้ที่ 1.1215 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน พ.ย. และค่าเงินก็มีโอกาสที่จะลงมาทดสอบแนวรับดังกล่าวในเร็วๆนี้
· EUR/USD จับตาการประชุมของบรรดาผู้นำด้านการเงินในอียู
บรรดารัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ด้านการเงินระดับสูงจากทั้ง 27 ประเทศสมาชิกของอียู กำลังมีการประชุมขึ้นในกรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายด้านการค้าตลอดจนด้านงบประมาณ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอียูและอิหร่าน หลังจากที่อิหร่านได้เผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
ผลกระทบกับค่าเงินยูโร
นักวิเคราะห์จาก Daily FX คาดการณ์ว่า ผลกระทบกับค่าเงินโดยตรงอาจเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดยูโรยังคงอยู่ในระดับอ่อนแอจากปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางการเมือง หากมีข่าวด้านลบออกมาจากการประชุมดังกล่าว ความเชื่อมั่นของตลาดก็อาจถูกกดดันลงมาอีก
ในส่วนของกราฟค่าเงินยูโร จะเห็นได้ว่าค่าเงินได้อ่อนค่าลงมาเกือบ 2% นับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. หลุดแนวรับสำคัญลงมาติดต่อกัน และล่าสุด ค่าเงินกำลังพยายามที่จะยืนเหนือระดับ 1.1269 หลังจากที่ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันถึง 6 วันทำการ สำหรับกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ คาดการณ์ไว้ที่ 1.1269 – 1.1279 หากค่าเงินอ่อนค่าหลุดกรอบนี้ลงมา แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1.1216
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียได้ปรับแข็งค่าขึ้นมาแตะระดับ 0.7090 หลังรายงานผลสำรวจทางเศรษฐกิจประกาศออกมาสดใส ประกอบกับถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณว่าการเจรจาการค้ากับจีนอาจประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนฝั่งรอขายทำกำไรดูเหมือนกำไรจับตาที่ระดับ 0.7095 ซึ่งเป็นเส้นแนวต้านของเทรนขาลง
ดังนั้น หากค่าเงินยืนเหนือระดับ 0.7095 และขึ้นไปถึงระดับ 0.7140 ก่อนที่จะเผชิญแนวต้านที่ 0.7170 ตามมาด้วยระดับ 0.7205 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญของเทรนขาลง หากผ่านแนวต้านทั้งหมดนี้ไปได้ ค่าเงินจะมีโอกาสแข็งค่าต่อไปได้อีก
ในทางกลับกัน หากไม่ผ่านแนว 0.7095 จะมีแนวรับแรกอยู่ที่ 0.7065 ตามมาด้วย 0.7050 ซึ่งหากหลุดทั้ง 2 แนวนี้ลง ค่าเงินอ่อนค่าลงไปถึงบริเวณ 0.7030 ซึ่งเป็นระดับ 61.8% Fibonacci Expansion และหากอ่อนค่าหลุดลงมาอีกจะมีแนวรับถัดไปที่ 0.7000 และ 0.6980 ตามลำดับ
· บรรดา ส.ส. ในสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณฉบับชั่วคราวที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ของรัฐบาลหลังร่างงบประมาณฉบับก่อนหน้าจะหมดอายุลงในวันศุกร์นี้ แต่ยังคงไม่มีการมอบงบประมาณก่อสร้างกำแพงชายแดนเป็นมูลค่า 5.7 พันล้านเหรียญตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เรียกร้องมาโดยตลอด
โดยนายริชาร์ด เชลบี้ สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน ระบุว่า ร่างงบประมาณที่ตกลงกันได้นี้ จะสนับสนุนงบประมาณให้กับภาครัฐไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. แต่ยังคงไม่ได้ให้ข้อมูลว่า รายละเอียดที่อาจเปลี่ยนแปลงภายหลังมีอะไรบ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังคงไม่มีความชัดเจนว่า นายทรัมป์จะตอบรับกับร่างประมาณฉบับล่าสุดอย่างไร เนื่องจากยังไม่มีการมอบงบประมาณก่อสร้างกำแพง ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ในสภา และทำให้รัฐบาลประสบกับภาวะ Shutdown เป็นเวลานานถึง 35 วัน ที่เพิ่งจบลงชั่วคราวไปเมื่อปลายเดือนก่อน
· นายพอล โวลก์เกอร์ อดีตประธานเฟด เตือน นโยบายปรับลดภาษีครั้งใหญ่และการจัดการกับปัญหาทางการค้าของทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังทำร้ายความยั่งยืนของสหรัฐฯในระยะยาว
· นักวิเคราะห์จาก Danske Bank รายงานว่า นายเคลเยน คอนเวย์ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox News โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ “แทบจะแน่นอน” แล้วว่า สหรัฐฯ-จีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันได้ และนายทรัมป์ก็ต้องการพบกันผู้นำจีนใน “เร็วๆนี้”
Key Quotes
นอกจากนี้ อีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าทั้ง 2 ประเทศใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลง คือการที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นในช่วงตลาดระหว่างวัน และทำระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.
ขณะที่การเจรจาระหว่างตัวแทนของทั้ง 2 ประเทศที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นการเจรจาในระดับล่าง ส่วนการเจรจาในระดับสูงจะดำเนินต่อภายในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ โดยตลาดจะจบัตาดูว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงขยายเดดไลน์ออกไปหรือไม่ แม้ว่าทางตัวแทนการเจรจาจะได้เคยออกมาระบุว่า จะไม่มีการเลื่อนเดดไลน์ แต่ทาง Danske Bank เชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องการเวลาที่มากกว่านั้น ถึงจะสามารถสรุปรายละเอียดทั้งหมดในข้อตกลงได้ ดังนั้น เดดไลน์จึงมีโอกาสที่จะถูกเลื่อนออกไป
· กระทรวงพาณิชย์จีนเผย การเติบโตของภาคการบริโภคในประเทศจีนมีความ “เป็นไปได้สูง” ที่จะชะลอตัวลงภายในปี 2019 จึงเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในขณะที่จีนกำลังพยายามแก้ไขข้อพิพาททางการค้าร่วมกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลจีนได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหลายตัว เพื่อพยายามประคับประครองภาคธุรกิจและการลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้า
· ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนจากมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก และการคว่ำบาตรน้ำมันเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ยังคงเป็นปัจจัยกดดันไม่ให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI ปรับสูงขึ้น 0.5% ที่บริเวณ 52.69 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมัน Brent ปรับสูงขึ้น 0.6% ที่บริเวณ 61.89 เหรียญ/บาร์เรล