· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้นหลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯมีการบรรลุข้อตกลงงบประมาณชั่วคราวสำหรับภาครัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ที่จะเกิดขึ้นซ้ำ ซึ่งในร่างข้อตกลงดังกล่าว ไม่ได้รวมไปถึงงบประมาณการก่อสร้างกำแพง แต่ร่างขั้นต้นก็ดูจะช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันเสาร์นี้ และทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดฟื้นตัว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาแถว 2.679% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปีปรับขึ้นมาที่ 3.019%
· แหล่งข่าวจากทางสภาคองเกรส เผยกับ CNBC ว่าอาจมีการผลักดันงบประมาณขั้นต้น 1.4 พันล้านเหรียญ แต่ไม่รวมกับการก่อสร้างกำแพงใดๆตามข้อเรียกร้องของนายทรัมป์ที่ต้องการให้สร้างกำแพงพรมแดนขนาด 55 ไมล์ เพื่อลดจำนวนการอพยพอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการลักลอบขนส่งยาเสพติด อย่างไรก็ดี ข้อตกลงใดๆที่จะเกิดขึ้นก็จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติโดยนายทรัมป์
· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นายทรัมป์ไม่ได้รู้สึกพอใจกับข้อตกลงงบประมาณฉบับชั่วคราวที่ยังคงปฏิเสธข้อเรียกร้องในการสร้างกำแพงพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อตกลงฉบับดังกล่าว ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันที่เรียกร้องให้เขาช่วยสนับสนุนงบประมาณฉบับนี้
· ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และนำมาซึ่งกลุ่มนักลงทุนที่เคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้าสู่ค่าเงินยูโรและเอเชีย
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1.1334 ดอลลาร์/ยูโร โดยนักวิเคราะห์มองว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์คือปัจจัยหลักในการหนุนทิศทาง ประกอบกับข่าวการค้าที่ดูจะสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยง
ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาที่ 96.65 จุด หรืออ่อนตัวลง 0.35% ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 110.5 เยน/ดอลลาร์
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาอาจตัดสินใจเลื่อนกำหนดเส้นตาย 2 มี.ค.นี้ออกไป สำหรับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีน หากว่าสหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ในเร็วๆนี้
รายงานจาก CNBC ระบุว่า ท่าทีของนายทรัมป์ดูอ่อนโยนขึ้นต่อการขัดแย้งทางการค้ากับจีน และดูเหมือนเขาจะมีแนวโน้มเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไปได้ แต่ทรัมป์ก็ยังมีจุดยืนที่ต้องการสร้างข้อตกลงกับทางจีนเป็นอย่างมาก และทีมของเขาที่เดินทางไปเยือนจีนในเวลานี้ก็พยายามที่จะหาทางแก้ไขเพื่อให้นำมาซึ่งข้อตกลง
สำหรับกรณีที่ นายทรัมป์ จะมีการพบกับผู้นำจีนในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. หรือไม่ นายทรัมป์ก็ตอบว่ายังไม่ได้มีแผนสำหรับเรื่องนี้
· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ในหัวข้อเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาระบบการเงินและลดปัญหาความยากจนในพื้นที่ชนบทของสหรัฐฯ โดยระบุว่า ปัญหาเกิดจากการรวมบริษัทเป็นหนึ่งของบรรดาอุตสาหกรรมธนาคารที่ดำเนินมานานกว่าทศวรรษ ได้ส่งผลกระทบให้สาขาของธนาคารเหล่านั้นถูกปิดตัวลงในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาความยากจนหรือตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ทำให้การดำเนินกิจการใดๆในพื้นที่เหล่านั้นต้องหยุดชะงักลง
· รัฐบาลรัสเซียระบุว่า พวกเขาพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้รัฐบาลเวเนซุเอลาสามารถร่วมเจรจากับฝ่ายค้านอย่างตรงไปตรงมาได้ พร้อมเตือนสหรัฐฯ อย่าเข้ามาแทรกแซงปัญหาภายในของเวเนซุเอลา
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นกว่า 1% จากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ขณะที่ซาอุดิอาระเบียมีแผนจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงกว่า 9.8 แสนบาร์เรล/วันในเดือนมีนาคม ประกอบกับมุมมองเชิงบวกจากการเจรจาทางการค้ารอบล่าสุดของสหรัฐฯและจีนที่ดูจะสนับสนุนราคาน้ำมันดิบขึ้นมา โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 81 เซนต์ คิดเป็น +1.3% ที่ 62.32 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 69 เซนต์ คิดเป็น +1.3% เช่นกันที่ 53.1 เหรียญ/บาร์เรล
แม้ว่าสภาวะตลาดน้ำมันจะมีความตึงตัวจากข้อตกลงของสมาชิกโอเปกและชาติพันธมิตรที่จะร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตกันตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่ตลาดก็ยังเผชิญกับความผันผวนจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกที่ดูจะมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างสหรัฐฯ เป็นต้น