· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นท่ามกลางส.ส.ของสหรัฐฯสามารถหาข้อตกลงฉบับชั่วคราวกรณี Shutdown ได้ ประกอบกับตลาดตอบรับกับโอกาสเชิงบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +372.65 จุด ที่ระดับ 25,425.76 จุด ทางด้านดัชนี S&P 500 ปิด +1.3% ที่ระดับ 2,744.73 จุด และเป็นการปิดเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 3 ธ.ค. ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 1.46% ที่ 7,414.62 จุด
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่เป็น Safe-haven เผชิญแรงกดดัน หลังตลาดมีมุมมองเชิงบวกว่า สหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้าร่วมกันได้ในที่สุด
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิด +0.2% ขณะที่ดัชนี KOSPI เปิด +0.5% และดัชนี Nikkei เปิด +1%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมมาจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์และ Nasdaq ที่ปรับตัวสูงขึ้นในเกือบ 1.5% ในช่วงกลางคืน โดยมีแรงหนุนจากสัญญาณบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการที่สภาคองเกรสสามารถหาข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะShutdown ได้
นักวิเคราะห์จาก Daiwa SB Investments ระบุว่า ความกังวลของตลาดเกี่ยวกับปัญหาทางการค้าและงบประมาณในสหรัฐฯเริ่มจางหายไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ความเชื่อมั่นกลับเข้ามาในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเต็มที่ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนก็ควรจะหาข้อสรุปให้ได้ภายในเดือน มี.ค. ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯเองก็ต้องหาวิธีป้องกันภาวะ Shutdown แบบยั่งยืนให้ได้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ตลาดควรระลึกไว้ว่า ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ยังไม่เกิดขึ้นจริง
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าได้ต่อ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.25 - 31.40 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากตอนเช้า น่าจะเป็นผลจากที่จะมีการพูดคุยกันระหว่างสหรัฐ และจีน อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวออกมาระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังคงต้องการจะพบปะหารือกับประธานาธิบดีของจีน เพื่อพยายามยุติสงครามการค้า ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณในเชิงบวก สำหรับคืนนี้ ต้องติดตามการรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐ ซึ่งตลาดจับตาว่าจะออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้หรือไม่
· ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า มูลการส่งออกไทยปี 2562 จะอยู่ที่ราว 2.63 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัวได้เพียง 4.4% เท่านั้น ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในปีนี้ คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ, ทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, เงินบาทแข็งค่า, ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง เป็นต้น
· ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการผลทางเศรษฐกิจจากปัญหาฝุ่นละอองในกรุงเทพฯและปริมณฑล จากค่าเสียโอกาสโดยเฉพาะในประเด็นสุขภาพและด้านการท่องเที่ยว รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่สำคัญ คิดเป็นเม็ดเงินอย่างน้อย 14,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยมีสาเหตุหลักมาจากกรอบเวลาที่นานขึ้น และการเพิ่มเติมค่าเสียโอกาสบางรายการ โดยกรอบเวลาที่ใช้ในการคำนวณคือ จากเดิมที่ประเมินไว้ราวๆ 1 เดือน ปรับเป็นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 - สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (หรือประมาณ 65 วัน)
· ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 - ม.ค.62) สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 71,401 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมจำนวน 14,452 ล้านบาท หรือ 25% ของประมาณการสะสม