· หน่วยงานด้านสถิติแห่งกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีกำหนดจะประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับเดือน ม.ค. ภายในคืนนี้ เวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ตลาดจะจับตาการประกาศตัวเลข Core CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวได้ 0.2% เหมือนเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมรายปีของดัชนีถูกคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 2.1% จากเดิมที่ 2.2%
สำหรับภาพรวมของเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. ถูกคาดว่าจะชะลอตัวลง 0.1% เหมือนในเดือน ธ.ค. ซึ่งจะทำให้ภาพรวมรายปีถดถอยลงสู่ระดับ 1.6% จากเดิม 1.9% ในเดือน ธ.ค.
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เขาไม่พึงพอใจเกี่ยวกับข้อตกลงด้านการรักษาความปลอดภัยทางชายแดนที่ทั้ง 2 พรรคร่วมตกลงกันได้เมื่อวานนี้ แต่ก็ไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นรัฐบาลตกอยู่ภาวะ Shutdown อีกครั้ง แต่ถ้าหากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นความผิดของพรรคเดโมแครต
ทั้งนี้ สภาคองเกรสจำเป็นต้องผลักดันข้อตกลงดังกล่าวให้สำเร็จก่อนถึงเดดไลน์ในวันเสาร์ เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ไปได้
· นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวก่อนเดินทางไปร่วมการประชุมกับตัวแทนเจรจาจากจีนในวันนี้ โดยระบุว่า เขาคาดหวังถึงความคืบหน้าของการเจรจาครั้งนี้ ขณะที่ทั้ง 2 ประเทศต่างมีความประสงค์ที่จะร่วมกันบรรลุข้อตกลงทางการค้าให้สำเร็จ
· ในถ้อยแถลงของนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ที่เตรียมกล่าวในเมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ ได้ระบุว่า เฟดจะการสรุปแผนที่เกี่ยวกับการเข้าซื้อพันธบัตรภายในการประชุมครั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณถึงการปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินครั้งสำคัญของเฟดอีกครั้ง หลังจากที่เฟดได้ประกาศจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงยังกล่าวถึงการส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินของเฟด เพราะว่าความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้จริง ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินนโยบายการเงิน
· Morgan Stanley ระบุว่า ทิศทางของเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน เป็น “ขาลงระยะยาว” การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2020 อาจจำเป็นต้องพึ่งพาเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทาง Morgan Stanley ยังได้ระบุว่า ยอดเกินดุลทางการค้าของจีนได้ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากยอดเกิดดุลของ GDP ในไตรมาส 3/2017 ที่ 10.3% ลงมาสู่ระดับ 0.4% ในไตรมาส 3/2018 ส่วนยอดขาดดุลทางการค้าสำหรับปี 2019 คาดการณ์ไว้ที่ 0.3% และ 0.6% สำหรับปี 2020
สำหรับปัจจัยที่กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจ ทาง Morgan Stanley มองว่าเป็นเพราะสังคมผู้สูงอายุที่ขยายตัวยิ่งขึ้น ยอดส่งออกที่ชะลอตัว และปัจจัยด้านอื่นๆ แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนได้เช่นกัน
· นายคริสเตียน เดอ กุซแมน รองประธานสถาบัน Moody’s Investors Service ระบุว่า เดือน ต.ค. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับรัฐบาลญี่ปุ่นในการปรับขึ้นระดับภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 8% เป็น 10% เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองก็สงบมากเช่นกัน
นอกจากสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองญี่ปุ่นแล้ว ยังมีแรงหนุนจากการใช้นโยบายสนับสนุนการเงินของบีโอเจ ซึ่งนายกุซแมน มองว่า บีโอเจจะยังสามารถคงนโญบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปได้ เนื่องภาคการเงินของญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งพอที่จะรับความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำได้
· จากผลสำรวจล่าสุดโดย Reuters พบว่า บรรดานักวิเคราะห์มีมุมมองว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลาง หากอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าเสรีร่วมกับอียูได้
Key Findings:
ผลสำรวจคาดการณ์ อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกับอียูได้ ขณะที่มุมมองของตลาดเกี่ยวกับโอกาสเกิดกรณีที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบไม่มีข้อตกลง (No-deal) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากผลสำรวจในเดือนที่ผ่านๆมา
เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มเติบโตได้ 0.2% ในไตรมาสที่ 1/2019, 0.3% ในไตรมาสที่ 2/2019 และ 1.00% ในไตรมาสที่ 4/2019 (เทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือน ม.ค. ที่ระดับ 0.3%, 0.3%, และ 0.4% ตามลำดับ)
ธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.00% ภายในไตรมาสที่ 4/2019 (จากเดิมคาดการไว้ในไตรมาสที่ 3/2019)
การค้าเสรีระหว่างอังกฤษ-อียู เป็นกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุดสำหรับ Brexit จากมุมมองของบรรดานักวิเคราะห์ในแบบสำรวจ
ส่วนโอกาสเกิดกรณีถอนตัวแบบ No-deal แบบสำรวจมองไว้ที่ 25% (เดิม 23% ในแบบสำรวจเดือน ม.ค.)
· ทางเกาหลีเหนือมีการส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่เปิดกว้างทางเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมากขึ้น โดยอ้างอิงโมเดลต้นแบบจากประเทศเวียดนาม
· ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น 60 เซนต์ หรือคิดเป็น +1.1% ที่ระดับ 53.7 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 1.1% หรือ 69 เซนต์ มาแว 63.11 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นจากการที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกมีการบ่งชี้ถึงภาวะการปรับลงของอุปทานน้ำมันตามข้อตกลงเมื่อเดือนม.ค. ขณะที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา
นายเจฟรีย์ ฮาเลย์ ผู้อำนวยการนักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงสนับสนุนหลังจากที่ ประเทศซาอุดิอาระเบียมีการประกาศจะทำการปรับลดกำลังการผลิตและยอดส่งออกต่ออีก 500,000 บาร์เรล/วัน ตามโควต้าข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC