· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นจากความหวังต่อผลการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Stoxx 600 ปิด +1.42% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มทรัพยากรและหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่เคลื่อนไหวเชิงบวก
· ตลาดหุ้นดาวโจนส์ก็ตอบรับจากความคาดหวังเชิงบวกของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จึงทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นทิศทางขาขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นกว่า 443.86 จุด ที่ระดับ 25,883.25 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +1.1% ที่ระดับ 2,775.6 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด +0.6% ที่ 7,472.41 จุด
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ หลังจากการเจรจาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.56% ขณะที่ดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 1.50%
· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ ไว้ที่ระหว่าง 31.15-31.55 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยมีปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/61 และตัวเลขการส่งออกเดือน ม.ค.ของไทย
ขณะที่จุดสนใจเพิ่มเติมในต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน, ประเด็นทางการเมืองภายในของสหรัฐฯ, สถานการณ์ BREXIT และดัชนี PMI (เบื้องต้น) สำหรับเดือน ก.พ.ของสหรัฐฯ และประเทศชั้นนำอื่นๆ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย, ดัชนีแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือน ก.พ., ยอดขายบ้านมือสองเดือน ม.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ธ.ค. รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 29-30 ม.ค.62
· บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ในกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 40 สตางค์/ลิตร ยกเว้น E85 เพิ่มขึ้น 20 สตางค์/ลิตร และกลุ่มดีเซลทุกชนิด เพิ่มขึ้น 40 สตางค์/ลิตร โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันนี้