· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากกลุ่มนักลงทุนที่ลดความต้องการค่าเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯและจีนมากขึ้นว่าจะสามารถหาทางแก้ไขปัญหาทางการค้าร่วมกันได้
ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นไปใกล้ระดับสูงสุดรอบ 2 เดือน หลังจากที่การเจรจาในสัปดาห์ที่แล้วระหว่างสหรัฐฯและจีนยังคงล้มเหลวในการหาข้อสรุปสำหรับข้อตกลงทางการค้า แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะระบุถึงความคืบหน้าในการเจรจามากขึ้นก็ตาม
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก 0.41% ที่ระดับ 96.50 จุด หลังจากที่วันศุกร์พุ่งไปทำระดับสูงสุดตั้งแต่ 17 ธ.ค. ที่ 97.368 จุด ในขณะที่วันจันทร์ตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Presidents Day
· หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินจาก OANDA แสดงความคาดหวังที่จะเห็นสัญญาณบวกจาการเจรจามากขึ้น แม้ว่าจะเห็นค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากการลดการถือครองในฐานะ Safe-Haven ก็ตาม
· ค่าเงินสวีเดนปรับอ่อนค่าลงหลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อออกมาแย่กว่าที่คาด จึงทำให้เกิดแรงเทขายในค่าเงินออกมาแม้จะมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสวีเดนจะมีการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.32% ที่ระดับ 1.1344 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนบริเวณ 1.1234 ดอลลาร์/ยูโร
· นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้ แต่อาจจะต้องยุติโครงการปรับลดยอดงบดุลในพอร์ตการลงทุนก่อนสิ้นปี 2019
· นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า ระดับดกอกเบี้ยของสหรัฐฯในเวลานี้เป็นเรื่องที่เหมาะสม และยังไม่จำเป็นที่เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง เว้นแต่จะเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นายวิลเลียม ยังคงกล่าวสนับสนุนให้เฟดอาจต้องเดินหน้าปรับลดยอดงบดุลในปีหน้า แม้ว่าเขาจะมองว่าระดับดอกเบี้ยของเฟดนั้นต่ำกว่าระดับ Neutral เล็กน้อย อันเนื่องจากข้อมูลคนว่างงานและเงินเฟ้อ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนนั้นออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดหวังไว้เล็กน้อย
· แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับ Bloomberg News โดยระบุว่า สหรัฐฯมีรายงานเรียกร้องให้จีนปรับเพิ่มค่าเงินหยวนในช่วงที่มีการเจรจาข้อตกลงการค้า โดยต้องการให้ประเทศจีนพยายามไม่ทำการลดค่าเงินหยวนเพื่อต่อต้านการขึ้นภาษีสินค้าของทางสหรัฐฯ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขายังมองหาสัญญาณที่ดีจากการประชุมร่วมกับ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือในวันที่ 27 และ 28 ก.พ. ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเขายังคงต้องการให้เกาหลีเหนือยุติอาวุธนิวเคลียร์แต่ก็ไม่ได้ต้องการเร่งรีบแต่อย่างใด
· MOF เผย ยอดส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวลง 8.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสะท้อนถึงภาวะอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ชะลอตัวลง
· ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังจากที่ปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดของปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันดิบ ประกอบกับความไม่แน่นอนในการเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯและจีน ที่บดบังปัจจัยบวกอย่างภาวะตึงตัวในอุปทานน้ำมัน
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 14 เซนต์ ที่ระดับ 66.36 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปทำระดับสูงสุดที่ 66.65 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่วันจันทร์ที่ผ่านมาทำระดับปิดสูงสุดของปีได้ที่ 66.83 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 50 เซนต์ ที่ระดับ 56.09 เหรียญ/บาร์เรล และยังคงเคลื่อนไหวแถวระดับสูงสุดของปีนี้
· กำหนดการเจรจาครั้งใหม่ของสหรัฐฯและจีนนั้นได้เริ่มต้นอีกครั้งเมื่อวานนี้ และคาดว่าจะมีการหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์
· เหล่าเทรดเดอร์ ยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่อการเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯและจีนก่อนจะทราบผลลัพธ์ ขณะที่ยังมีสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจจากภาคธนาคารรายใหญ่ของยุโรปอย่าง HSBC มีการประกาศเลื่อนการลงทุนบางส่วนในปีนี้ อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของปีที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจในจีนและอังกฤษประสบภาวะชะลอตัว