· นักวิเคราะห์จาก ICBC Standard Bank กล่าวว่า อุปสงค์ในพลาเดียมก็ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบปีต่อปี จากกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ที่ใช้แก๊สโซลีนเป็นพลังงาน และยังมีสัญญาณสะท้อนว่ามีความต้องการพลาเดียมเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์
· ราคาพลาเดียมยังคงทำ All-Time High ที่ 1,500.5 เหรียญ โดยเป็นการปรับขึ้นไป 1.3% ที่ระดับ 1,499 เหรียญ ท่ามกลางราคาที่ปรับขึ้นไปได้เกือบ 19% ในปีนี้ และถือเป็นหนึ่งในสินค้าโลหะมีค่าที่มีภาพรวมดีที่สุดในปีนี้
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. ปีที่แล้ว จากการอ่อนค่าของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ประกอบกับข่าวเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า การเจรจาการค้าร่วมกับจีนกำลังไปได้ด้วยดี และบ่งชี้ถึงการเปิดกว้างสำหรับการขยายกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค.นี้ออกไปอีกเพื่อให้เจรจาระหว่างสองประเทศลุล่วงด้วยดี
ความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ส่งผลให้ดอลลาร์ถูกลดความต้องการในฐานะ Safe-Haven ลง และนั่นเป็นการส่งผลบวกต่อทองคำ
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1,343.51 เหรียญ หลังไปทำระดับสูงสุดในช่วงต้นตลาดบริเวณ 1,346.73 เหรียญ ทางด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. อ่อนตัวลงเล็กน้อย 0.2% ที่ 1,342.6 เหรียญ
· กลุ่มนักลงทุนรอคอยสัญญาณเพิ่มเติมจากรายงานประชุมเฟดวาระ 29-30 ม.ค. ที่ผ่านมาในคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์จาก Fitch Solution มองว่า แนวทางการดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายของเฟดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำ แต่การที่เฟดมีเพียงสัญญาณเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยก็ดูจะส่งผลให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้ และนั่นจะสร้างแรงกดดันให้แก่ทองคำ
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจากรอยเตอร์ส วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำอาจไปทดสอบแนวต้าน 1,351 เหรียญได้
· ราคาแพลทินัมปรับลง 0.2% ที่ระดับ 815.5 เหรียญ ขณะที่ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.3% ที่ 16.02 เหรียญ
· นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน ระบุว่า ทองทำ High ใหม่รอบ 10 เดือน และอาจกลับมาเป็นจุดเริ่มต้นภาวะขาขึ้นของทองคำอีกครั้ง หลังจากที่ทะลุเหนือแนวต้านสำคัญขึ้นมา
โดยสภาวะการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในขณะนี้ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่านี่อาจเป็นเวลาที่ดีของราคาทองคำก่อนจะกลับไปยืนเหนือจุดสูงสุดเดิมของปีที่แล้วบริเวณ 1,365 เหรียญ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายๆฝ่าย เชื่อว่า ทองคำน่าจะยังได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการคงดอกเบี้ยระดับต่ำ
· ประธานนักวิเคราะห์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า ราคาทองคำ Break กลับมายืนเหนือระดับสำคัญทางเทคนิค รวมทั้งมีปัจจัยพื้นฐานมาเอื้อในวาระนี้ ดังนั้น ราคาทองคำน่าจะกลับขึ้นต่อได้ในขณะที่ดอลลาร์ดูจะใกล้จบภาวะแข็งค่าในกรอบดังกล่าว
· นักวิเคราะห์การตลาดจาก IG กล่าวว่า ราคาทองคำอาจปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,375 เหรียญได้ และดูระยะสั้นมีแนวโน้มใกล้แตะ 1,357 เหรียญ แต่ก็ต้องระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำเพราะมีโอกาสเห็นกลับลงไปต่ำกว่า 1,323 เหรียญ และจะเข้าสู่ภาวะทรงตัวในกรอบ
· นักกลยุทธ์ค่าเงินอาวุโสจาก DailyFX มองว่า ระดับแนวต้านแรกของทองคำจะอยู่ที่ 1,348 เหรียญ หลังจากที่ราคาเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังมาในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน โดยทองคำมีโอกาสจะปรับขึ้นต่อจากภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐฯ
· นักวิเคราะห์บางส่วนก็เห็นด้วยว่า มีโอกาสที่ทองคำจะปรับขึ้นได้ต่ออีกเกือบ 1% โดยจะเป็นการขึ้นได้โดยไม่คำนึงว่าดอลลาร์อ่อนค่าหรือไม่ และดูเหมือนราคาทองคำจะมีสัญญาณเป็นขาขึ้น นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. โดยมองว่ามีโอกาสกลับไปทดสอบ 1,350 เหรียญ
· นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ มองทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย จากคีย์เวิร์ด “อดทนรอ”ของเฟด ที่น่าจะทำให้เฟดยังคงดอกเบี้ยต่อ แม้ว่าความผันผวนในดอลลาร์จะน้อยลง ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ มองไปยังประเด็น ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวก็จะเป็นปัจจัยหลักที่ยังกดดันตลาดหุ้น