• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562

    20 กุมภาพันธ์ 2562 | SET News

 


·         
ดัชนี E-mini DowJones ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวลดลงในตลาดเอเชียเช้านี้ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ผันผวน และยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยทั่วไป ขณะที่นักลงทุนน่าจะมีการปิดสถานะก่อนทราบสรุปรายงานประชุมเฟดเดือนม.ค.ที่จะเปิดเผยในค่ำคืนนี้

ขณะที่ภาพหลักของการลงทุนในกราฟรายวันยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบ หากผ่าน 25,957 จุดไปได้น่าจะส่งสัญญาณกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง แต่หากต่ำกว่า 25,275 จุด ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนมาเป็นขาลง

·         นักวิเคราะห์จาก FXEmpire ระบุว่า ดัชนี E-mini S&P500 มีการทรงตัวในวันนี้ แม้ว่าเมื่อวานจะปิดปรับตัวขึ้น โดยนักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อความคืบหน้าทางการค้าที่ยังคงปราศจากรายละเอียดใดๆระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับตลาดรอผลประชุมเฟดคืนนี้ โดยภาพรวมคาดว่าดัชนีจะยังมีความผันผวนสูงในช่วงที่เฟดประกาศรายงาน ซึ่งเหล่าเทรดเดอร์พุ่งเป้าไปยังการลดยอดงบดุลของเฟด

·         ภาพรวมรายวันทางเทคนิค มองว่า หากดัชนีผ่าน 2,787.5 จุด ก็จะส่งสัญญาณกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง แต่หากหลุด 2,729 จุดก็จะเห็นภาพดัชนีกลับมาเป็นขาลง โดยระยะสั้นจะมีกรอบของราคาที่ 2,729 - 2,787.5 จุด  โดยมีแนวรับสำคัญเป็นเส้น Fibonacci ที่ 2,711.5 จุด

·         ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเจรจาทางการค้าที่อาจจะจบลงด้วยดี โดยดัชนีStoxx600 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

ตลาดให้ความสนใจไปยังประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสัรัฐฯและจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศเปิดการเจรจารอบใหม่ในวันนี้ ที่กรุงวอชิงตัน โดยมีเป้าหมายลดความแตกต่างทางการค้าระหว่างสองประเทศ ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตาย หลังวันที่ 1 มีนาคมนี้

ขณะเดียวกัน นางเทรเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีเทเรซ่าเดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียมเพื่อพบกับนาย Jean-Claude Juncker ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (หัวหน้าฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป) เพื่อเดินหน้าเจรจาข้อตกลง Brexit ท่ามกลางปัญหาที่ยังไม่สามารถคลี่คลายได้

·         ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง เนื่องจากเหล่านักลงทุนคาดการณ์ว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ อาจจะสามารถผ่านไปได้ด้วยดี เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะสงครามทางการค้า โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเกือบ 1.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่2 ต.ค.ที่ผ่านมา

นักลงทุนคาดหวังว่า การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีน มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในเดือนหน้าหลังจากจีนจบการประชุมประจำปีของสภาฯที่จะเริ่มต้นในวันที่ มี.ค. และอาจนำมาซึ่งข้อตกลงดังที่คาดหวังไว้

·         ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำระดับสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.6% ที่ระดับ 21,431.49 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ช่วยหนุนหุ้นวัฏจักร (Cyclical stocks) อย่างเช่น หุ้นรถยนต์และหุ้นหลักส่วนใหญ่ รวมถึงหุ้นของธนาคาร SoftBank ด้วย

แม้ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นประจำเดือนม.ค.จะลดลง 8.4% ซึ่งมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากยอดส่งของจีนร่วงลงและคำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรลดลงอย่างรวดเร็ว

นักกลยุทธ์ประจำ Sumitomo Mitsui Trust Asset Management ระบุว่า เกิดความกังวลเกี่ยวกับยอดการส่งออกที่ลดลงของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี เหล่านักลงทุนบางส่วนที่ไม่สามารถทำกำไร ได้ทันจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงก่อนหน้านี้ อาจจะมีความเสี่ยงที่ดัชนีจะปรับย่อตัวลงมา ก่อนที่ดัชนีอาจจะปรับตัวสูงขึ้นได้ หากการเจรจาการค้าเป็นไปด้วยดี

·         ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน  โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 2,761.22 จุด

·         ธปท. เผย รายงานการประชุมกนง. ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 6 ก.พ.62 ระบุว่า การตัดสินนโยบายการเงินที่มีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง

แม้การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงตามปริมาณการค้าโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกภาคบริการมีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน อุปสงค์ในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีต่อเนื่องตามรายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐเพิ่มเติม การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทย และการร่วมลงทุนของรัฐบาลและเอกชนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในบางอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com