· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง และตลาดหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากรายงานของ Reuters ที่ระบุว่า สหรัฐฯและจีนได้เริ่มจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามการค้า
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.1% ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังเพิ่มขึ้นหลังจากเฟดยืนยันว่าจะอดทนในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ขณะที่นักกลุยทธ์ประจำ JPMorgan Asset Management ระบุว่า เราต้องระมัดระวัง หากการเจรจาการค้าจะจบลงด้วยความสำเร็จชั่วคราว นั่นอาจหมายความว่าเฟดอาจเริ่มต้นการคุมเข้มทางการเงินอีกครั้ง
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกทางการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นไปได้ด้วยดี จึงช่วยหนุนบริษัทที่ส่งออกไปยังประเทศจีน เช่น บริษัท Yaskawa Electric และ Fanuc โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 21,464.23
รายงานจาก Reuters ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯและจีนกำลังทำงานกันอย่างหนักในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาข้อตกลงทางการค้า ซึ่งมีเป้าหมายที่จะแก้ไขปัญหามีมายาวนานในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง เนื่องจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯทำให้เหล่านักลงทุนเกิดความกังวลว่าจีนอาจจะไม่หันไปใช้มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.34% ที่ะรดับ 2,751.80 จุด
รายงานจาก Reuters เผย ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางของจีนยังไม่พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แม้ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงและการแข็งค่าของเงินหยวนก็ตาม ขณะที่ถ้อยแถลงของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จีนจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินและจะไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ