· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เป็นไปได้ด้วยดี โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.7% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซ่า เมย์ จำนวน 3 ราย ประกาศลาออกจากพรรค โดยระบุว่าในจดหมายยื่นขอลาออกว่า แนวทางข้อตกลง Brexit เปรียบเสมือน "หายนะ"
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเด็นเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จึงช่วยชดเชยความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.3%
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ ING ระบุว่า การเจรจาทางการค้าร่วมกันระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการที่เฟดอนทนรอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของเหล่านักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอจึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ดี แรงเทขายเป็นไปได้อย่างจำกัด เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากสัญญาณที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.2% ที่ระดับ 21,425.51 จุด ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น 2.5%
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น โดยภาพรวมรายสัปดาห์เป็นการปรับตัวสูงขึ้นดีที่สุดในรอบปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากบริษัทโบรกเกอร์ ท่ามกลางความหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่อาจจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อนวันที่ 1 มี.ค.
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.9% ที่ระดับ 2,804.23 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปี 2018 ที่ผ่านมา
เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการเจรจาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯและจีน ที่เมืองวอชิงตัน ซึ่งเหลือเวลาไม่ถึงสัปดาห้ที่จะถึงเดตไลน์ในการเจรจาทางการค้า มิเช่นนั้นสหรัฐฯจะดำเนินการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน