· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มออกไป โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นกว่า 209.61 จุด ก่อนจะปิดบวก 60.14 จุด ที่ระดับ 26,091.95 จุด ทางด้านดัชนี S&P 500 ปิด +0.1% ที่ 2,796.11 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.36% ที่ 7,554.46 จุด
นายทรัมป์ ยังคงมีการทวิตเตอร์ข้อความย้ำว่า สหรัฐฯจะไม่เก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มในช่วงต้นเดือนมี.ค. ท่ามกลางความคืบหน้าที่เป็นไปด้วยดีในการประชุมร่วมกันระหว่างสองประเทศ ทั้งเรื่องการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนเทคโนโลยี แต่ยังไม่มีการระบุถึงกำหนดเส้นตายครั้งใหม่
· ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ทวิตเตอร์ข้อความดังกล่าว โดยจะเห็นได้ว่าดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตปิด +5.6% ซึ่งเป็นระดับการเพิ่มขึ้นรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ 9 ก.ค. ปี 2015
· ประธานกองทุน Permanent Portfolio Funds กล่าวว่า ตราบใดที่สหรัฐฯและจีนยังอยู่ระหว่างการเจรจา ตลาดยังคงตอบรับว่าจะเห็นการบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และนั่นถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนที่จับตาไปยังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยที่ดัชนี Stoxx 600 ปิด +0.29% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่พุ่งขึ้นกว่า 2.1% ตอบรับการเจรจาทางการค้าที่เกิดขึ้น
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับขึ้นในเช้านี้ จากนักลงทุนที่ตอบรับมุมมองเชิงบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.25% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด +0.1% ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.11%
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.25 - 31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเมื่อวานนี้ค่อนข้างแกว่งในกรอบแคบ ไร้ปัจจัยใหม่ แต่ถือว่าแข็งค่าระดับกลางๆ ถ้าเทียบกับสกุลอื่น เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินวอนและค่าเงินหยวนที่แข็งค่า ตอบรับสงครามการค้าคลี่คลายไปในทางที่ดี
· ปลัดกระทรวงการคลังของไทย ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากมานานแล้ว แต่เรื่องนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลของ ธปท. ที่เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ขณะที่กระทรวงการคลังคงจะไม่เข้าไปก้าวก่ายมากนัก โดยมองว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง
· บอร์ดบีโอไอ เห็นชอบให้การส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ศูนย์ซ่อมอากาศยาน และขนส่งทางอากาศ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 40,462 ล้านบาท คาดสร้างการใช้วัตถุดิบจากยางธรรมชาติในประเทศ กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
· อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์ส่งออกไตรมาส 1/62 ร่วมกับภาคเอกชนว่า วัฏจักรการส่งออกในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมามักจะพบว่าการส่งออกจะชะลอตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี และหลังจากนั้นในช่วงไตรมาส 2-3 จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้ก็เช่นกัน เพราะภาพรวมการส่งออกไปยังตลาดหลักทั้งสหรัฐ อเมริกา และญี่ปุ่น ยังเติบโตได้ดี
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่ปรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ที่ 8% ตามที่เคยตั้งไว้ โดยจะขอรอดูสถานการณ์ที่ชัดเจนตลอดทั้งไตรมาสแรกปีนี้ก่อน เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ในช่วงที่เหลือของทั้งปีอีกครั้งในช่วงเดือน เม.ย.นี้