· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากการที่กลุ่มนักลงทุนตอบรับกับถ้อยแถลงของประธานเฟดเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.16% ที่ระดับ 96.15 จุด
· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด สิ้นสุดการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคการเงินของสภาล่างเมื่อวานนี้ โดยนายโพเวลล์ มีการกล่าวเตือนว่า ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะอยู่ในทิศทางการขยายตัวที่น่าพึงพอใจก็ตาม
· นายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวย้ำว่า ข้อตกลงทางการค้ายังไม่ได้เกิดขึ้น โดยจีนจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าแค่เพียงซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น ก่อนที่สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างถาวร
· ค่าเงินเยนปรับแข็งค่ามาทำระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ 110.67 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปากีสถานมีการยิงเครื่องบินไอพ่นของกองทัพอากาศอินเดีย 2 ลำ ถูกซุ่มยิงทางอากาศ ก่อนจะร่วงเข้าไปในดินแดนของปากีสถาน จึงส่งผลให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงกลับสู่สินทรัยพ์ปลอดภัย
· ผู้อำนวยการจากโซซิเอเต้ เจเนรัล กล่าวว่า ตลาดกำลังตอบรับในส่วนของค่าเงินจากความตึงเครียดระหว่างสองประเทศที่เกิดขึ้น โดยตลาดรอดูสัญญาณความขัดแย้งว่าจะทวีความตึงเครียดมากขึ้นเช่นไร
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ตอบรับกับถ้อยแถลงของประธานเฟดวันที่สอง โดยที่อัตราผลตอบแทนระยะยาวอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 2.682% โดยระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ 25 ก.พ. บริเวณ 2.684% ทางด้านผลตอบแทนอายุ 30 ปีปรับขึ้นแตะ 3.06%
· เมื่อคืนนี้ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดใกล้จะทำการยุติการปรับลดยอดงบดุลในพอร์ตวงเงิน 4 ล้านล้านเหรียญในปีนี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่ต่างคิดว่าเฟดน่าจะทำการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยควบคู่กันไป
อย่างไรก็ดี นายโพเวลล์ ระบุว่า ยอดงบดุลของเฟดจะคิดเป็น 16% หรือ 17% ของจีดีพี ซึ่งได้ปรับเพิ่มขึ้นมาจากระดับ 6% ก่อนช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินในรอบเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา และ ณ ปัจจุบัน จีดีพีสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 20 ล้านล้านเหรียญ จึงบ่งชี้ว่า ยอดงบดุลของเฟดควรที่จะอยู่ระหว่าง 3.2 – 3.4 ล้านล้านเหรียญ
ขณะเดียวกัน ในช่วงตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการ นายโพเวลล์ ยืนยันว่า การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการของเฟด โดยไม่ถูกกดดันจากปัจจัยการเมือง แม้ว่าเฟดถูกโจมตีจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
· ตลาดจับตาข้อมูลจีดีพีไตรมาสที่ 4/2018 ของสหรัฐฯคืนนี้ ท่ามกลางการชะลอตัวเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคธุรกิจ จึงอาจส่งผลให้ข้อมูลการขยายตัวของไตรมาสสุดท้ายออกมาอ่อนตัว และคาดว่าน่าจะขยายตัวได้เพียง 2.3%
อย่างไรก็ดี บรรดานักเศรษฐศาสตร์มีมุมมองว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่รีบาวน์กลับเมื่อวันอังคาร อาจเป็นผลมาจากการที่กลุ่มผู้บริโภคเริ่มลดความกังวลต่อภาวะ Shutdown และการร่วงลงของตลาดหุ้นที่เผชิญแรงเทขายมาตั้งแต่เดือนธ.ค.
· นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแห่งประเทศจีน และบรรดาผู้นำประเทศทั่วโลก ต่างแสดงความกังวลอย่างถึงที่สุด เกี่ยวกับเหตุความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถาน หลังจากที่มีรายงานว่าทั้ง 2 ประเทศได้มีการโจมตีเครื่องบินรบของกันและกัน พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอดทนอดกลั้น
โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ออกมาเปิดเผยว่า กองทัพได้สั่งการให้เครื่องบินรบของตนโจมตีค่ายฝึกฝนของกลุ่มติดอาวุธที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปากีสถาน ขณะที่เมื่อวานนี้ ปากีสถานได้รายงานว่ากองทัพได้ทำการโจมตีและทำลายเครื่องบินรบจำนวน 2 ลำของอินเดีย นอกจากนี้ยังมีรายงานเกี่ยวกับการสู้รบบนภาคพื้นดินระหว่างทั้งสองฝ่ายในหลายๆพื้นที่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากการโจมตีใส่กัน
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ความขัดแย้งระหวางประเทศปากีสถานและอินเดียในสัปดาห์นี้ที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่ยอมกัน ได้ทำก่อให้เกิดความกังวลไปทั่วโลกว่าอาจก่อให้เกิดสงครามลุกลามไปทั่วแถบเอเชียใต้
ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ ยับยั้งชั่งใจในการดำเนินการใดๆ และหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่จะเกิดขึ้น ประกอบกับชาติพันธมิตรอย่าง ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และจีน ต่างก็เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศดำเนินการด้วยความใจเย็นและรอบคอบ
อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศต่างก็เคยมีข้อพิพาทกันมาตั้งแต่ปี 1947 แต่ความตึงเครียดในสัปดาห์นี้ถือว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบหลายๆปีที่ผ่านมา
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะมีการประชุมสุดยอดร่วมกันขึ้นเป็นวันที่ 2 ภายในวันนี้ หลังจากที่การประชุมเมื่อวานยังไม่มีสัญญาณของความคืบหน้าเท่าที่ควร
โดยนายทรัมป์ได้กล่าวชื่นชมว่า การเจรจาร่วมกับนายคิมเป็นไปด้วยดีขณะที่ทางทำเนียบขาวระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการลงนามในข้อตกลงร่วมกันภายหลังจากการประชุมวันนี้
อย่างไรก็ตาม ทางทำเนียบขาวไม่ได้ให้รายละเอียดว่าข้อตกลงร่วมดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับอะไร แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับการประกาศยุติสงครามเกาหลีในปี 1950 – 1953 แม้นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ายังเร็วเกินไปก็ตาม
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 2% หลังจากที่รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรบตัวลงเกินคาด 8.6 ล้านบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.44 เหรียญ คิดเป็น +2.6% ที่ระดับ 56.94 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.19 เหรียญ คิดเป็น +1.8% ที่ระดับ 66.40 เหรียญ/บาร์เรล