โดยราคาทองคำปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 1,296.61 เหรียญ หลังทำระดับต่ำสุดที่ 1,289.91 เหรียญในช่วงตลาดก่อนหน้า
ด้านราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.2% ที่บริเวณ 1,297.20 เหรียญ
· รายงานข่าวระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯดูจะเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกขณะ รวมถึงมีสัญญาณเกี่ยวกับโอกาสที่สหรัฐฯอาจยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีน และทางจีนเองก็มีแนวโน้มที่จะดำเนินการปฏิรูปทางโครงสร้างและยกเลิกนโยบายภาษีตอบโต้
· นักวิเคราะห์จาก IG Markets ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์มีการปรับแข็งค่าขึ้นได้อย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงกดดันราคาทองคำลง และในสัปดาห์นี้ เรากำลังเห็นถึงการกลับตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอตัว ทำให้บรรดาธนาคารกลางน่าจะเข้ามาเกื้อหนุนเศรษฐกิจ จึงจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำในระยะกลางได้
· ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงประมาณ 0.1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันส่วนหนึงจากถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวโจมตีเฟด ว่านโยบายของเฟดทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไป และกดดันความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ
· นักวิเคราะห์จาก Reuters คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะหลุดแนวรับที่ระดับ 1,289 เหรียญ และร่วงลต่อไปถึงระดับ 1,271 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก UBS Wealth Management คาดการณ์ว่าราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ถูกคาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง อาจช่วยหนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ได้ ขณะที่ตลาดดูเหมือนจะมีความต้องการสินค้าเสี่ยง มากกว่าสินค้าปลอดภัยในช่วงนี้
· กองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง 1.50% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราลดการถือครองรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2016 และยังเป็นลบล้างการเข้าซื้อตลอดเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาจนหมด ซึ่งปัจจุบัน การถือครองของกองทุนเคลื่อนไหวในแดนลบที่ -1.5%
· ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.8% บริเวณ 1,557 เหรียญ
· ด้านราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.1% บริเวณ 15.22 เหรียญ และราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.1% บริเวณ 857.65 เหรียญ