Thai
Eng
0 2770 7788
ทำไมต้อง MTS
รางวัล
ติดต่อเรา
Login
Toggle navigation
สินค้าและบริการ
ทองคำแท่งและเม็ดเงิน
ตราสารอนุพันธ์
ทองรูปพรรณและทองเก่า
กลุ่มลูกค้า
ลูกค้าสถาบัน
ลูกค้าบุคคล
ร้านค้าทอง
อุตสาหกรรมทองคำและเงิน
โรงรับจำนำ
บริษัทแจกทอง
โปรแกรมการลงทุน
ระบบซื้อขายทองคำแท่ง
ระบบซื้อขายอนุพันธ์
เครื่องมือการซื้อขาย
Pre Trade Tools
Post Trade Tools
มุมนักลงทุน
สถาบันการลงทุนทองคำ
รายการออนไลน์
เทคนิคการลงทุน
อบรมสัมมนา
กิจกรรม/ประชาสัมพันธ์
เริ่มต้นลงทุนกับเรา
ข่าวและบทวิเคราะห์
ข่าว
บทวิเคราะห์
เปิดบัญชี
Support
MTS Help Center
ID Code (รหัสสมาชิก - ถ้ามี)
Name (ชื่อ - นามสกุล)
*
Email Address (อีเมลติดต่อกลับ)
*
Telephone (เบอร์โทรศัพท์)
Subject (หัวข้อ)
*
Description (รายละเอียด)
*
หน้าแรก
ข่าวและบทวิเคราะห์
ข่าว
สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2562
12 มีนาคม 2562
|
Economic News
View 1139
· ค่าเงินปอนด์แข็งค่าท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่านายกฯอังกฤษอาจสามารถเรียกเสียงสนับสนุนข้อตกลง Brexit ได้ในที่สุด หลังจากที่สามารถแก้ไขข้อตกลงร่วมกันผู้นำอียูเป็นผลสำเร็จ
โดยค่าเงินปอนด์แข็งค่าทำระดับสูงสุดที่บริเวณ 1.3290 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังมีการประกาศว่าสามารถเจรจาแก้ไขข้อตกลงสำเร็จ ก่อนที่จะอ่อนค่าลงมาประมาณ 0.5% ที่บริเวณ 1.3214 ดอลลาร์/ปอนด์ แต่ในภาพรวมก็ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกขึ้นมาประมาณ 2.1% จากระดับต่ำสุดที่ 1.2945 ดอลลาร์/ปอนด์ของเมื่อวันจันทร์
นักวิเคราะห์จาก Mizuho Securities ระบุว่า ตลาดค่อนข้างที่จะอ่อนไหวกับข่าว Brexit ในเชิงบวก เนื่องจากตลาดมีการตอบรับกับข่าวร้ายไปก่อนหน้านี้จนเริ่มที่จะอิ่มตัว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่รัฐสภาอังกฤษจะลงมติผ่านให้กับข้อตกลงในคืนนี้ ก็ยังคงมีอยู่ต่ำ ขณะที่เหลืออีก 2 สัปดาห์กว่าๆ ก่อนที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากอียู
ขณะที่ค่าเงินอื่นๆค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากกำลังจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ที่จะมีประกาศภายในคืนนี้
ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.2% บริเวณ 97.056 จุด หลังตลาดเริ่มหันกลับเข้ามาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เห็นได้จากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า 0.2% เมื่อเทียบกับเงินเยนบริเวณ 111.41 เยน/ดอลลาร์
สำหรับค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.1% บริเวณ 1.1259 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับแรงหนุนจากเชื่อมั่นที่ดีขึ้นหลังการเจรจาข้อตกลง Brexit ประสบความสำเร็จ ซึ่งก่อนหน้าค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน
· ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้คือการลงมติ Brexit ในรัฐสภาอังกฤษที่จะเกิดขึ้นในคืนวันอังคาร วันพุธ และอาจรวมถึงวันพฤหัสบดีด้วย แม้จะไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับการลงมติ แต่เชื่อว่าการลงมติจะเกิดขึ้นในช่วงดึกตามเวลาประเทศไทย ตามหลังการโต้วาทีในรัฐสภาอังกฤษ
สำหรับการลงมติ มีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อยู่ 2 แบบ แบบแรกคือ รัฐสภามีมติสนับสนุนข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถผลักดันข้อตกลงให้มีผลบังคับใช้ต่อไป และอังกฤษก็จะถอนตัวออกจากอียูในวันที่ 29 มี.ค. ตามกำหนดการเดิม
ผลที่ตามมากับค่าเงินปอนด์อังกฤษคือการที่ค่าเงินแข็งค่าขึ้นทันที 1-2% เนื่องจากผลลัพธ์ของ Brexit เป็นที่ชัดเจน แต่หลังจากนั้นตลาดจะหันไปให้ความสนใจเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจอังกฤษภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวในอนาคตแทน
อย่างไรก็ตาม อีกผลลัพธ์นึง ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือการที่รัฐสภาโหวตปฏิเสธร่างข้อตกลง ซึ่งมีรายงานว่าบรรดาคณะรัฐมนตรีได้แสดงการไม่สนับสนุนไปก่อนแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ยังคงล้มเหลวที่จะเรียกเสียงสนับสนุน ดังนั้น การลงมติในคืนวันอังคารจึงมีโอกาสสูงที่จะล้มเหลว
ซึ่งหากการลงมติคืนวันอังคารล้มเหลว รัฐสภาจะมีการลงมติอีกครั้งในวันพุธเพื่อตัดสินใจว่าอังกฤษจะยอมถอนตัวออกจากอียูแบบไม่มีข้อตกลง (No Deal) หรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตัวนายกฯได้เคยกล่าวว่า “การไม่มีข้อตกลงดีกว่าการมีข้อตกลงที่แย่” ซึ่งหากรัฐสภาลงมติเห็นด้วยที่จะให้อังกฤษถอนตัวแบบ No Deal นั่นก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับค่าเงินปอนด์
ทางผู้ว่าธนาคารกลางอังกฤษได้เคยออกมาเตือนว่า หากเกิดกรณี No Deal Brexit อาจเห็นค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาได้ถึง 25% แม้ว่าจะไม่เกิดขึ้นในทันที แต่ค่าเงินจะค่อยๆทยอยอ่อนค่าลง ขณะที่ในระยะสั้นๆหรือเพียงไม่กี่นาทีหลังทราบผลการลงมติ เรามีโอกาสที่จะเห็นค่าเงินอ่อนค่าลงได้ถึง 2-4%
การถอนตัวออกไปแบบ No Deal ถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งบรรดารัฐมนตรีในรัฐสภาอังกฤษต่างก็รู้สึกเช่นนี้ ดังนั้นโอกาสที่รัฐบาลจะสนับสนุน No Deal Brexit จึงมีอยู่ต่ำ และหากการโหวตในคืนวันพุธมีผลออกมาว่าไม่เห็นด้วย การลงมติในคืนวันพฤหัสบดีจะเกี่ยวกับการตัดสินว่าจะขอขยายระยะเวลาของมาตรา 50 หรือเลื่อนกำหนดการถอนตัวเดิมในวันที่ 29 มี.ค. นี้ออกไปหรือไม่
สำหรับด้านค่าเงินยูโร นักวิเคราะห์จาก FX Street ยังคงมองเป้าหมายไว้ที่ 1.10 ดอลลาร์/ยูโร เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยูโรโซน ต่างบ่งชี้ไปยังทิศทางชะลอตัวตามที่อีซีบีแสดงความกังวล ไม่ว่าจะเป็นอัตราการผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีที่ชะลอตัวลง -0.8% ทำให้ยอดเกินดุลการค้าของเยอรมนีเพิ่มสูงขึ้นเกินคาด
นอกจากนี้ เกี่ยวกับนโยบาย TLTRO 3 หรือแผนปล่อยกู้ราคาถูกให้กับภาคธนาคารที่ทางอีซีบีได้ประกาศออกมาในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ทางธนาคารได้ระบุว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกรณี Brexit และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
· นายทาโร่ อาโซะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งญี่ปุ่น ระบุว่า บีโอเจสามารถมีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อจากเดิมที่ 2% ได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นยังคงชะลอตัวและไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้าเสียที
อย่างไรก็ตาม นายมาซาโยชิ อามามิยะ รองผู้ว่าบีโอเจ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดของบีโอเจคือการผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ให้ได้
ขณะที่การประชุมของบีโอเจในสัปดาห์หน้า มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย และกล่าวเตือนถึงปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากภายนอกประเทศ
· รายงานจาก Reuters ระบุว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนกำลังศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากธนาคารกลางพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรายงานข่าวนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจที่กำลังประสบภาวะชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม อีกกระแสคาดการณ์หนึ่ง มองว่าทางธนาคารกลางยังไม่พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่อาจมีการออกนโยบายปรับสภาพของตลาดในด้านอื่นๆ เช่นการปรับลดเพดานการถือครองสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
· รายงานจาก Xinhua ระบุว่า นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน ได้มีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ร่วมกับนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับ ”แผนการดำเนินงานในขั้นตอนถัดไป” โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
· นายสเตปเฟน บีเอแกน เอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า การดำเนินการทางทูตร่วมกับเกาหลีเหนือยังคงดำเนินต่ออย่างเข้มข้น แม้ว่าการประชุมร่วมกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนที่ผ่านมา จะประสบความล้มเหลวก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่แน่ใจว่าทางเกาหลีเหนือดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเคร่งครัดและไม่มีแผนที่จะก่อสร้างสถานที่พัฒนาขีปนาวุธหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังจับตาเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด
· Morgan Stanley คาด ผลประกอบการของบรรดาตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ถึง 8% ภายในปี 2019เนื่องจากปัจจัยหนุนหลายประการ โดยเฉพาะจากตลาดหุ้นจีนที่น่าจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และราคาของทองแดงที่จะปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน เริ่มที่จะส่งผลลัพธ์ต่อเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจะเห็นได้จากปริมาณการปล่อยกู้ในประเทศจีนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งตลาดจีนยังมีสภาพคล่องอยุ่ในระดับที่แข็งแกร่ง
ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจจีนแข็งแกร่ง เศรษฐกิจอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย (และทั่วโลก) จึงมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงหนุนจากขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและปริมาณอุปสงค์ในด้านการบริการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว จึงจะช่วยหนุนเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
· ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น หลังซาอุดิอาราะเบียส่งสัญญาณว่ากลุ่มโอเปกอาจพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก ขณะที่การปรับขึ้นของราคายังคงถูกจำกัดจากปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.5% บริเวณ 57.08 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.4% บริเวณ 66.82 เหรียญ
Bank of America Merrill Lynch คาดการณ์ ราคาน้ำมัน Brent ปีนี้จะปรับสูงขึ้นและเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70 เหรียญ/บาร์เรล แม้จะมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกก็ตาม ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ก็จะปรับสูงขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยอัตราต่ำกว่าที่บริเวณ 59 เหรียญ/บาร์เรล
Related
1 มีนาคม 2568
[สาระน่ารู้] คำศัพท์พบบ่อยในข่าวทองคำ
View 81 | Economic News
27 กุมภาพันธ์ 2568
[สาระน่ารู้] "Non Farm Payrolls (NFP)" คืออะไร?
View 498 | Economic News
25 กุมภาพันธ์ 2568
[สาระน่ารู้] Crude Oil Inventories คืออะไร ?
View 84 | Economic News
25 กุมภาพันธ์ 2568
Leverage ในตลาดอนุพันธ์ คืออะไร?
View 84 | Economic News
24 กุมภาพันธ์ 2568
[ สายเทรดต้องรู้ ] มือใหม่หัดดู "กราฟแท่งเทียน"
View 101 | Economic News
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail:
support@mtsgoldgroup.com