· ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นหลังจากที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนม.ค. โดยปรับขึ้นได้ 0.8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดค่าใช้จ่ายในกลุ่มก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบ 9 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนม.ค. จึงช่วยบดบังข้อมูล PPI สหรัฐฯที่ออกมาแย่ลง โดยหุ้น S&P500 ปิดปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ของปีเหนือ 2,800 จุด และปรับขึ้นแดนบวกต่อเนื่อง 3 วันทำการ
ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.7% ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปิด +148.23 จุด ที่ระดับ 25,702.89 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.7% ที่ 7,643.41 จุด
· ยอดขายโทรศัพท์จีนปรับตัวลงอย่างมากในรอบหลายปี และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อบริษัทแอปเปิ้ล ซึ่งถือเป็นบริษัท Smartphone รายใหญ่ของตลาด โดยยอดขายโทรศัพท์จีนร่วงลงมากที่สุดกว่า 20% เมื่อเทียบรายปี คิดเป็นมูลค่าสุทธิ 14.51 ล้านเหรียญ จึงสะท้อนถึงผลจากปัจจัยต่างๆ อันได้แก่ภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวด้วย
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบต่อการแยกตัว โดยไร้ข้อตกลง โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.88% ขณะที่ดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.71% ด้านดัชนี Kospiเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.38%
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ระหว่าง 31.55-31.70 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทมีทั้งแรงขายและแรงซื้อ ซึ่ง Brexit ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
· นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า ในช่วงรอยต่อที่เหลือก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาจากนี้อีกอย่างน้อย 2-3 เดือนนั้น ขอให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญให้แก่ประเทศ เพราะช่วงนี้การส่งออกยังไม่ค่อยดี ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนยังชะลอเพราะรอดูความชัดเจนจากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่
· กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วง 3 ปี (ปี 62-64) เป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน สร้างตลาดทุนยุคดิจิทัลที่ครบวงจรควบคู่กับโอกาสการลงทุนใหม่ และยกระดับประสบการณ์การลงทุนที่สะดวกและรวดเร็ว โดยตลาดทุนไทยจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรมใน 2 มิติ โดยหนึ่ง ในนั้นเป็นการสร้างโอกาสธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งตลท.จะเริ่มกระบวนการทำงานร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในวันที่ 27 มีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบและมีความชัดเจนภายในปีนี้ เพื่อให้พร้อมให้บริการในปี 2563