• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2562

    18 มีนาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง และถือเป็นรายสัปดาห์ที่มีการอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน อันเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินปอนด์กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง



โดยข้อมูลผลผลิตภาคการผลิตสหรัฐฯร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.พ. ประกอบกับกิจกรรมภาคโรงงานในเขตนิวยอร์ก ที่ออกมาแย่กว่าที่คาด จึงยิ่งตอกย้ำการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในช่วงต้นไตรมาสที่ 1 และข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์ ยิ่งย้ำแนวทางที่เฟดจะต้องอดทนรอในการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ ซึ่งบรรดาสมาชิกเฟดจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันอังคารและวันพุธนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายในอนาคต หลังจากที่ปีที่แล้วปรับขึ้นดอกเบี้ยไปทั้งสิ้น 4 ครั้ง



ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.21% ที่ระดับ 96.58 จุด ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่มีการอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนธ.ค. ขณะที่ค่าเงินยูโรกลับแข็งค่าขึ้น 0.16% มาที่ 1.132 ดอลลาร์/ยูโร



· รายงานจาก CNBC มองว่า น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดับดอกเบี้ยใดๆของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่สมาชิกเฟดน่าจะมีท่าทีระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นต่อทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก หลังจากที่สร้างความผันผวนในตลาดค่าเงินมาตลอดสัปดาห์



· ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลงมาที่ 1.3283 ดอลลาร์/ยูโร โดยอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ทำไว้ในคืนวันพุธที่ 1.3380 ดอลลาร์/ยูโร (แข็งค่ามากสุดรอบ 9 เดือน) โดยภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นมาได้ประมาณ 2% ตอบรับข่าวที่รัฐสภาอังกฤษลงมติเลื่อนออกจากอียู และไม่ต้องการออกจากอียูแบบ No-Deal




· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค. และถือเป็นสัปดาห์ที่ 2 ที่อัตราผลตอบแทนร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 อันเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าที่คาด โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมออกมาแย่กว่าคาดแตะ 0.1% แม้ว่าการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่จะพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 7.6 ล้านตำแหน่ง



อัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีปรับร่วงลงแตะ 2.587% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปีปิดทรงตัวแตะ 3.01%

· ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นว่า เฟดจะยังคงอดทนใช้เวลานานขึ้น และจะรอจนกว่าจะเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ก่อนที่เฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้ง


ขณะที่อีซีบีก็น่าจะยังไม่ทำการขึ้นดอกเบี้ยเช่นกัน อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน



สำหรับการประชุมเฟดในวันที่ 19-20 มี.ค. เฟดน่าจะยังคงดอกเบี้ยต่อไป ขณะที่มีโอกาส 55% น่าจะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้อีกครั้งในช่วงปลายเดือนก.ย. อีก 0.25% สู่กรอบ 2.50-2.75%



· การเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ประจำเดือนม.ค.เพิ่มสูงขึ้น 102,000 ราย สู่ระดับ 7.58 ล้านรายตามฤดูกาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.63 ล้านรายในเดือนพ.ย.ปีที่ผ่านมา นำโดย ตำแหน่งงานว่างที่ผู้ค้าส่ง ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคข้อมูล


ขณะที่การจ้างงานที่เกือบชะลอตัวลงในดือนก.พ.อาจมีสาเหตุมาจากการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ



ด้านอัตราการเปิดงานประจำเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 4.8% จากระดับ 4.7% เพิ่มขึ้นเป็น 5.80 ล้านจาก 5.72 ล้านในเดือนธ.ค. ท่ามกลางการเติบโตของบริษัทที่ประสบปัญหาในการหางานส่งผลให้เหล่านักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะชะลอการเติบโตของงานในปีนี้




โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯประจำเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแค่ 20,000 ตำแหน่ง ซึ่งอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2017 โดยคาดว่าจะชะลอตัวประมาณ 150,000 ตำแหน่ง ต่อเดือนในปีนี้เนื่องจากคนงานหายากมากขึ้น



· ผลสำรวจร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า การก่อสงครามทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นมูลค่า 7.8 พันล้านเหรียญจากยอดจีดีพีของประเทศในปี 2018

ขณะที่ผลกระทบระยะสั้นของสงครามการค้าได้ทำให้ยอดนำเข้าจากประเทศเป้าหมายลดลงไปถึง 31.5% ขณะที่ยอดส่งออกของสหรัฐฯปรับลดลงไป 11% อีกทั้งยังทำให้บรรดาผู้ผลิตและผู้บริโภคสูญเสียรายได้เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นรวมเป็นมูลค่ากว่า 6.88 หมื่นล้านเหรียญ


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากอัตราภาษีที่สูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนของผู้ผลิตที่สูงขึ้น พบว่ามีรายได้สูญเสียไปกว่า 7.8 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 0.04% ของยอดจีดีพี

· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า หากรัฐสภายังคงไม่ยอมรับข้อตกลง Brexit หลังจากการลงมติที่ล้มเหลวถึง 2 ครั้ง การถอนตัวออกจากอียูของอังกฤษอาจประสบกับการชะลอออกไปเป็นเวลานานา และอาจส่งผลให้อังกฤษต้องเข้าร่วมการเลือกตั้งของสภาอียูด้วย

ซึ่งตัวแทนจากรัฐบาลออสเตรีย ได้ออกมากล่าวว่า อังกฤษจำเป็นต้องเข้าร่วมการเลือกตั้งของสภาอียู หากการถอนตัวของอังกฤษถูกเลื่อนออกไปเกินวันที่ 1 ก.ค.



ขณะที่นางเมย์ถูกคาดการณ์ว่า จะเดินทางไปยังกรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อร่วมเจรจากับตัวแทนอียูเกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไปเป็นระยะสั้นๆ จากเดิมที่มีกำหนดการในวันที่ 29 มี.ค.



ทางบรรดาผู้นำประเทศในอียูส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า อังกฤษควรถอนตัวออกไปก่อนเกิดการเลือกตั้งสภาอียู ที่จะจัดขึ้นในเดือน พ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงความยากลำบากในดำเนินงานร่วมกับอียู ในระหว่างที่อังกฤษกำลังเตรียมตัวถอนตัวออกจากอียู


· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก และผลผลิตน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 19 เซนต์ ที่ 58.42 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำระดับสูงสุดปีนี้ที่ 58.95 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 23 เซนต์ ที่ระดับ 67 เหรียญ/บาร์เรล โดยยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดปีนี้ที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 68.4 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com