· ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางแรงหนุนจากความกังวลในภาวะอุปทานที่ลดน้อยลง ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติคงนโยบายเชิงผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมคืนพรุ่งนี้
โดยราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 1.588.04 เหรียญ ทำระดับสูงสุดที่ 1.592.02 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
· ด้านราคาทองคำ วันนี้ปรับสูงขึ้น 0.3% ที่บริเวณ 1,307.02 เหรียญ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับสูงขึ้น 0.5% บริเวณ 1,307.30 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ขณะที่ผลการประชุมเฟดและการลงมติBrexit อาจช่วยหนุนราคาทองคำได้ในระยะสั้นๆ
ซึ่งหากเฟดมีการส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินตามคาด อาจเห็นค่าเงินดอลลารอ่อนค่าลงอีก ประกอบกับความไม่แน่นอนจากภาวะ Brexit จึงเชื่อว่าน่าจะหนุนให้มีแรงเข้าซื้อทองคำตามเข้ามามาก และทำให้ราคาปรับสูงขึ้นได้
· แผนการเจรจาในข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผชิญกับความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง หลังจากที่โฆษกประจำรัฐสภาอังกฤษ กล่าวว่า นางเมย์จะไม่สามารถนำข้อตกลง Brexit มาลงมติในรัฐสภาได้ หากข้อตกลงดังกล่าวยังคงใจความสำคัญไว้เหมือนเดิม
· อีกปัจจัยที่บ่งชี้ถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มมากขึ้น คือกองทุน SPDR ที่เพิ่มการถือครองทองคำอีก 1.1% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มการถือครองที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.
· ทางด้านราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.3% บริเวณ 15.39 เหรียญ และราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 1% บริเวณ 838.47 เหรียญ
· ราคาทองคำอาจกำลังทำ Top ในรูปแบบ Head and Shoulders ซึ่งหากราคาปิดต่ำกว่าระดับ 1,282.11 เหรียญ จะเป็นการยืนยันถึงการทำ Top และราคาจะมีโอกาสปรับตัวลงไปบริเวณ 1,260.80 – 63.76 เหรียญ ส่วนในระยะยาวอาจร่วงไปถึงบริเวณ 1,220 เหรียญ ในทางกลับกัน หากราคาปิดเหนือแนวต้านที่ระดับ 1,303.70 – 10.95 เหรียญ จะเปิดโอกาสให้ราคาขึ้นทดสอบระดับ 1,346.75 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือน ก.พ.
· นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics มองว่า การประชุมเฟดที่ทุกคนรอคอยน่าจะเปิดเผยแผนชะลอการลดงบดุลในพอร์ตและปรับทบทวนแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· นักกลุยทธ์จาก TD Securities ระบุว่า ราคาทองคำสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาอ่อนแอ แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าอยู่ อีกทั้งยังกล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างจำกัด เนื่องจากเศรษฐกิจโลก แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากนัก แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร เมื่อพิจารณาจากวัฏจักรการเติบโต จะเห็นว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนัก แต่ว่าหากเศรษฐกิจจีนละยูโรโซนได้รับผลกระทบที่ไม่คาดคิดขึ้นมา สหรัฐฯก็จะได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย ดังนั้น จึงมองไม่เห็นปัจจัยที่กดดันทองคำในเชิงลบ
· หัวหน้านักวิเคราะห์จาก London Capital Group มองว่า ถึงเฟดจะถูกคาดว่าจะมีการปรับลดมุมมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ไม่คาดว่าเฟดจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินใกล้เคียงกับอีซีบีที่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาณในการประชุมอีซีบีเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้ โดยเฟดดูจะมีท่าทีที่คุมเข้มทางการเงินมากกว่า แม้ว่าจะมีโอกาสเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว