


· ค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะมีการปรับลดมุมมองการดำเนินนโยบายเป็นระดับผ่อนคลายมากขึ้นในสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งมีความกังวลในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 0.1% ที่ระดับ 96.43 จุด หลังจากที่ปิดทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และภาพรวมร่วงลงไปกว่า 1.3% จากระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ทำไว้เมื่อ 7 มี.ค. บริเวณ 97.71 จุด จากมุมมองที่ว่าเฟดจะมีท่าทีผ่อนคลายต่อการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟดช่วงสองวันนี้
· นักลงทุนหลายคนยังคงคาดว่าเฟดจะไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีที่เคยให้ไว้ในการอดทนรอเพื่อดำเนินนโยบายให้เป็นไปตามความเหมาะสม และกว่า 30% ของตลาดเริ่มคาดว่าจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยด้วยซ้ำในปีนี้ ซึ่งเฟดน่าจะเปิดเผยถ้อยแถลงไม่ต่างจากที่ตลาดคาดการณ์ จึงไม่น่าเกิดภาวะน่าแปลกใจใดๆ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ตลาดมองโอกาสเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยไว้ที่ 0% ในช่วงต้นเดือนนี้แต่ล่าสุดก็เริ่มกลับมาแถว 30%
· หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Mizuho Securities กล่าวว่า การที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะมีท่าทีผ่อนคลายในเดือนนี้ ก็ดูตลาดหุ้นน่าจะไม่ตอบรับเชิงบวกมากนัก แต่หากเฟดสะท้อนถึงแนวโน้มการขยายตัวหรือเรื่องดอกเบี้ยที่ไม่ค่อยสดใสนัก เมื่อนั้นก็จะส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นรวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน
· ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นเกือบ 1.5% ที่ระดับ 1.3274 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่โฆษกรัฐสภาอังกฤษกล่าวว่า อาจยังไม่มีการลงมติ Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษใดๆ จนกว่าจะมีข้อเสนอที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ขณะที่บีโออีถูกคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ จากความไม่แน่นอนของ Brexit
ด้านค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 1.1344 ดอลลาร์/ยูโร
· รองประธาน FedEx กล่าวแสดงความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป หลังจากทาง FedEx ได้รายงานผลประกอบการที่ลดน้อยลงจากปีก่อน โดยมีผลกระทบมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และข้อพิพาททางการค้า
· รายงานการประชุมของบีโอเจครั้งที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า บรรดาสมาชิกบอร์ดบริหารยังมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับช่วงเวลาที่บีโอเจควรออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางปัจจัยความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ ที่กำลังกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
โดยสมาชิกบอร์ดส่วนใหญ่มีความเห็นว่า บีโอเจควรคงนโยบายกระตุ้นแบบปัจจุบันต่อไป ในขณะที่ 1 ในสมาชิกมองว่า บีโอเจควรมีความพร้อมที่จะดำเนินการอย่าง “รวดเร็ว ยืดหยุ่น และหนักแน่น” ในกรณีที่มีความจำเป็น ซึ่งการดำเนินการรวมถึงการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม สมาชิกบอร์ดอีก 1 มองว่า การดำเนินการใดๆอย่างหุนหันพลันแล่นไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อน อาจนำไปสู่ความสับสนทางเศรษฐกิจ และอาจทำให้เศรษฐกิจสูญเสียสมดุลได้
· แบบสำรวจความเชื่อมั่นของบรรดาผู้ผลิตในญี่ปุ่นเดือน มี.ค. ลดลงสู่ระดับอ่อนแอที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ทามกลางผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้า และความกังวลว่าการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันอาจจะจบลงเร็วกว่าที่คาด
นอกจากนี้ แบบสำรวจยังพบว่าความเชื่อมั่นของผู้ผลิตลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคบริการยังคงทรงตัว บ่งชี้ว่า ปริมาณอุปสงค์ในประเทศอาจไม่สามารถช่วยรองรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่จะเกิดจากปัจจัยภายนอก อย่างเช่น ข้อพิพาททางการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของทั้งผู้ผลิตและภาคบริการถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถขยายตัวดีขึ้นได้เล็กน้อยภายในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ขณะที่ทางบีโอเจจะจับตาการประกาศดัชนีความเชื่อมั่นรายไตรมาสที่จะประกาศในวันที่ 1 เม.ย. เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจก่อนการประชุมในเดือนหน้า
· J.P. Morgan และ Goldman Sachs ระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียมีภาวะการขยายตัวที่ค่อนข้างดีเยี่ยมในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพและคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใสภายในประเทศ และทำให้ภาพรวมหุ้นอินเดียปีนี้ดุจะสดใสเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค
· ราคาน้ำมันดิบทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดของปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอุปทานน้ำมันจากการควบคุมกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ควบคู่ไปกับการที่สหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา และทำให้ภาพรวมทั้งหมดเป็นปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันในเวลานี้
น้ำมันดิบ WTI ปิดทรงตัวแถว 59.1 เหรียญ/บาร์เรล ใกล้เคียงกับระดับปิดสูงสุดของปีในวันก่อนหน้าที่ระดับ 59.23 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 10 เซนต์ ที่ระดับ 67.64 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วปิดทำระดับสูงสุดของปีที่ 68.14 เหรียญ/บาร์เรล
ด้านน้ำมันดิบ Shanghai Crude Futures ที่เปิดตัวในเดือนมี.ค. ปีที่แล้ว รีบาวน์ขึ้นกว่า 4.5% จากระดับปิดล่าสุดที่ 467.6 หยวน (69.64 เหรียญ) /บาร์เรล และใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนก.พ. และส่งผลให้ภาพรวมดูราคาน้ำมันของเซี่ยงไฮ้จะมีค่าพรีเมียมที่สูงกว่า Brent ในเวลานี้
