• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 มีนาคม 2562

    21 มีนาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.6% บริเวณ 95.806 จุด หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อคืนนี้ พร้อมส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจจะสหรัฐฯจะชะลอตัว

เฟดยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 1 ครั้ง ระหว่างปี 2020 – 2021 พร้อมมองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อป้องกันการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้ออีกต่อไป ซึ่งตลาดมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางมุมมองของเฟดที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯครั้งสำคัญ


· นักวิเคราะห์จาก Manulife Asset Management ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ได้เผชิญแรงกดดัน เนื่องจากเฟดได้ย้ำเน้นถึงการผ่อนคลายทางนโยบายการเงิน ด้วยการส่งสัญญาณจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และมองว่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้เพียง 1 ครั้งในปี 2020 ซึ่งเป็นมุมมองผ่อนคลายทางการเงินที่มากกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

ขณะที่ นักวิเคราะห์จาก TD Securities ระบุว่า การประกาศแผนยกเลิกการปรับลดพอร์ตงบดุลของเฟด ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ตลาดมองโอกาส 48% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปี 2020

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. ปี2018 หลังเฟดตัดสินใจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ โดยผลตอบแทนอายุ 10ปี ปรับลงไปทำต่ำสุดที่ 2.528% ด้านผลตอบแทนอายุ 5ปี ทำต่ำสุดตั้งแต่ ก.พ. ปีที่แล้วที่ 2.328% ด้านตราสารหนี้อายุ 3 เดือนปรับลงมาที่ 2.473% และอัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี ปรับลงมาแตะ 2.4%

· สรุปประชุมเฟด 19-20 มี.ค.62

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่วาระนี้เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 2.25-2.50% และมีแนวโน้มจะคงดอกเบี้ยไว้ตลอดปีนี้ ท่ามกลางอุปสงค์ภายในประเทศที่ได้รับอุปสรรคจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนและยุโรปดูจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกเป็นไปอบ่างผันผวน ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เฟด ปรับลดแนวโน้มจีดีพีสหรัฐฯปีนี้ลงสู้ระดับ 2.1% จากคาดการณ์เดิมในเดือนธ.ค. ที่ 2.3%

อย่างไรก็ดี ประธานเฟดยังคงมีมุมมองที่แข็งแกร่งต่อตลาดแรงงาน แต่มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้นชะลอตัว ท่ามกลางสมาชิกเฟดส่วนใหญ่ที่มองว่าภาพรวมพื้นฐานทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ประมาณ 2% และอาจปรัยลงต่ำกว่าเล็กน้อยในช่วงสิ้นปี ซึ่งภาพรวมปัจจัยทางเศรษฐกิจก็ยังมีความแข็งแกร่งในเรื่องตลาดแรงงาน ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น กับอัตราว่างงานที่ลดลง

· เฟดได้ประกาศแผนหยุดการปรับลดพอร์ตงบดุลอย่างเป็นทางการเมื่อคืนนี้ โดยเฟดจะหยุดปรับลดพอร์ตงบดุลในเดือน ก.ย. ซึ่งปัจจุบัน เฟดมีอัตราปรับลดพอร์ตในแต่ละเดือนอยู่ที่ 5 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเฟดจะคงอัตราปรับลดไว้เท่าเดิมในแต่ละเดือน จนถึงเดือน ก.ย.

โดยเมื่อถึงเดือน ก.ย. และการปรับลดพอร์ตของเฟดได้เสร็จสิ้นลง พอร์ตงบดุลของเฟดจะเหลือมูลค่าอยู่อย่างน้อยประมาณ 3.5 ล้านล้านเหรียญ เทียบกับปัจจุบันที่เฟดมีถือครองที่ระดับ 3.8 ล้านล้านเหรียญ

ทั้งนี้ จังหวะการปรับลดพอร์ตงบดุลในเดือน ก.ย. ค่อนข้างเป็นไปตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้

· บรรดาผู้นำประเทศในกลุ่มอียูจะมีการประชุมเกี่ยวกับการขยายระยะเวลา Brexit ร่วมกับนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ภายในวันนี้ ซึ่งทางอียูจะยื่นข้อเสนอขยายระยะเวลา Brexit ออกไป จากเดิมที่มีกำหนดไว้ในวันที่ 29 มี.ค. ภายใต้เงื่อนไขว่านางเมย์ต้องเรียกสนับสนุนจากรัฐสภาอังกฤษอังกฤษให้เพียงพอภายในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ทางนางเมย์ได้เคยเรียกร้องให้อียูขยายเวลา Brexit ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. เพื่อให้เธอสามารถเรียกเสียงสนับสนุนจากรัฐสภา และหลีกเลี่ยงที่จะถอนตัวออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลงในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทัคส์ ประธานกรรมการอียู ได้เขียนไว้ในจดหมายที่ส่งเชิญบรรดาผู้นำประเทศในอียู โดยระบุว่า ทางอียูจะยิมยอมที่จะขยายระยะเวลาให้กับอังกฤษเป็นระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

ขณะที่ทางตัวแทนจากฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะปฏิเสธข้อเรียกร้องของอังกฤษ และจะเรียกร้องให้อังกฤษถอนตัวออกภายในวันที่ 23 พ.ค. เพื่อให้อังกฤษไม่ต้องเข้าร่วมการเลือกตั้งของรัฐสภาอียู

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้น โดย WTI พุ่งแตะ 60 เหรียญ/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯยังคงอ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 80 เซนต์ ที่ 59.83 เหรียญ/บาร์เรล หลังช่วงต้นตลาดปรับขึ้นแตะ 60 เหรียญ/บาร์เรล หรือไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 12 พ.ย. ปีที่แล้ว (ส่งมอบเดือนพ.ค. ทำ High 60.28 เหรียญ/บาร์เรล)

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 89 เซนต์ หรือ +1.3% ที่ 68.50 เหรียญ/บาร์เรล หลังทำ New High นับตั้งแต่ 13 พ.ย. บริเวณ 68.57 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ดี ภาพรวมปีนี้น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 32% ขณะที่ Brent ปรับขึ้น 27% อันเป็นผลสนับสนุนจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก และการที่สหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา



Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com