โดยราคาทองคำปรับสู.ขึ้น 0.5% ที่บริเวณ 1,318.31 เหรียญ ทำระดับสูงสุดรายวันที่ระดับ 1,319.02 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 28 ก.พ. ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับสูงขึ้น 1.3% บริเวณ 1,318.40 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก IG Markets ระบุว่า การที่เฟดประกาศหั่นคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯและการขยายตัวของเงินเฟ้อ อีกทั้งยังมองว่าจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เปรียบเสมือนเฟดได้ประกาศยุติแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ดำเนินมากว่า 3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณผ่อนคลายทางนโยบายการเงินที่มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ จึงยิ่งตอกย้ำถึงการชะลอตัวของทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก
มุมมองดังกล่าวจึงกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยภายใต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจ จึงยิ่งมีแรงเข้าซื้อมากขึ้น
· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับร่วงลงทำระดับต่ำในรอบ 14 เดือน
· นักวิเคราะห์จาก Philip Futures มองราคาทองคำเป็นทิศทางขาขึ้น เนื่องด้วยปัจจัยเสี่ยงอย่างการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ รวมถึงความตึงเครียดทางการเมืองในปัจจุบัน
นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ดูเหมือนจะสามารถเรียกเสียงสนับสนุนจากรัฐสภากลับมาได้บางส่วน หลังจากที่ทางอียูอนุมัติให้อังกฤษขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไป 3 เดือน ภายใต้เงื่อนไขว่านางเมย์ต้องเรียกเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาอังกฤษให้เพียงพอภายในสัปดาห์หน้า
· การเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ก่อตัวเป็นสัญญาณ Bullish engulfing ในกราฟรายวัน เนื่องจากราคาปิดตลาดเมื่อคืนที่ 1,312.34 เหรียญ สูงกว่าระดับสูงสุดของวันก่อนที่ 1,310.83 เหรียญ อีกทั้งราคายังทะลุเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งราย 8, 13,และ 21 วัน ปัจจัยที่ยกมาดังกล่าว บ่งชี้ทิศทางที่สดใสสำหรับราคาทองคำในระยะสั้นๆ
ทั้งนี้ แม้ราคาทองคำจะปรับตัวลงในช่วงปลายเดือน ก.พ. แต่การที่ราคาสามารถปรับตัวสูงขึ้นในเดือน มี..ค นี้ได้ ทำให้เกิดเป็นภาวะจุดต่ำยกสูง (Higher low) ขึ้นจากระดับต่ำสุดของเดือน ม.ค. ดังนั้นในระยะสั้นๆ มีแนวโน้มสูงที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก แต่ต้องระวัง หากราคาหลุดต่ำกว่า 1,298.53 เหรียญ จะเป็นการลบล้างสัญญาณของขาขึ้นได้
· ตามกราฟราคาทองคำรายวัน จะเห็นได้ว่าราคาทองคำเริ่มเผชิญแรงเทขายแถว 1,319 เหรียญ หลังจากที่ผ่านเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันที่ 1,305.60 เหรียญขึ้นมา รวมถึงผ่านระดับ 1,317 เหรียญ ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับเข้าหาระดับต่ำสุดของวันที่ 21 ก.พ.หรือที่ 1,321 เหรียญ
หากราคาสามารถผ่านแนว 1,321 เหรียญขึ้นมาได้ จะมีแนวต้านต่อไปอยู่ที่ 1,330 และ 1,337 เหรียญตามลำดับ ส่วนเส้นแนวต้านที่สูงขึ้นมาจะอยู่ที่ 1,345 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นเทรนขาลงตั้งแต่เดือน เม.ย. 2018 ซึ่งราคาอาจไม่สามารถขึ้นเหนือแนวต้านนี้ไปได้โดยง่าย
ในทางกลับกัน หากราคาหลุดต่ำกว่า 1,305.60 เหรียญ ก็มีแนวโน้มที่จะย่อตัวลงต่อมาถึงบริเวณ 1,300 เหรียญ ซึ่งจะทำให้มุมมองในทิศทางขาลงกลับมาแข็งแกร่งขึ้น และราคาก็มีโอกาสที่จะย่อตัวลงถึงบริเวณ 1,290 เหรียญก็จะมีสูงมากขึ้น แต่ทองคำก็ยังมีแนวรับที่แข็งแกร่งที่ 1,287 เหรียญ ตามมาด้วย 1,280 และ 1,276 เหรียญ
· ทางด้านราคาแพลทินั่มก็ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเดียวกันกับพลาเดียม โดยปรับสูงขึ้นในวันนี้ 0.8% ที่บริเวณ 871.25 เหรียญ หลังจากทำระดับสูงสุด 871.25 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 1 มี.ค. และมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นติดต่อกันได้ 5 ช่วงตลาด
· ขณะที่ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.7% บริเวณ 15.55 เหรียญ
· ด้านราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 1,608.46 เหรียญ หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,619.81 เหรียญในช่วงต้นตลาดวันนี้
โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดการกีดกันการส่งออกพลาเดียมและเศษโลหะล้ำค่าจากรัสเซีย ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ภาวะอุปทานของพลาเดียมที่ตึงตัวอยู่แล้ว จะยิ่งตึงตัวมากขึ้นไปอีก จึงผลักดันให้ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์