· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี รีบาวน์กลับจากระดับต่ำสุดรอบ 15 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาแย่กว่าที่คาดอันได้แก่ยอดการเริ่มต้นสร้างบ้าน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.22% ที่ระดับ 96.78 จุด ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 2.414% หลังจากไปทำระดับต่ำสุดรอบ 15 เดือนที่ 2.3770% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือนปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้ขยับมากนัก แม้ว่าข้อมูลยอดการเริ่มก่อสร้างบ้านสหรัฐฯชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 1 ปีครึ่งในเดือนก.พ. ขณะที่ Conference Board เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ออกมาแย่ลง 124.1 จุด จากที่คาดว่าจะออกมาที่ 132 จุด
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.34% ที่ระดับ 1.1272 ดอลลาร์/ยูโร
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 2.434% ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับขึ้นไปที่ 2.878% โดยปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค. ปี 2017 จึงช่วยลดความกังวลของกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว
อย่างไรก็ดี ตลาดก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรบางส่วน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือน ยังยืนเหนือพันธบัตรผลตอบแทนอายุ 10ปี
· ในการให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน ยังคงกล่าวสนับสนุนมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเขายังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่าที่เพื่อนสมาชิกเฟดมอง
อย่างไรก็ดี เขาได้ระบุว่า แต่หากเงื่อนไขทางเศรษฐกิจถูกทำลายหรือได้รับผลลบ ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะหันมาใช้นโยบายการปรับลดดอกเบี้ย
· นางแมรี่ ดาร์ลี่ ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวว่า สมาชิกเฟดจำเป็นต้องรอดูสัญญาณเงินเฟ้อที่อาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ แต่เฟดจะต้องอดทนปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อให้เงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับที่พวกเขาต้องการ
นอกจากนี้ เธอสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดเพื่อรอปรับนโยบายดอกเบี้ยให้เหมาะสมจนกว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนว่าควรจะขึ้นดอกเบี้ยหรือปรับลดดอกเบี้ย
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวคิดที่จะเสนอชื่อนายสเตฟเฟน มอเรย์ อดีตที่ปรึกษาแคมเปนเลือกตั้งของทรัมป์ ให้รับตำแหน่งสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด แนวคิดดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลให้กับตลาด ว่าแนวคิดเชิงอณุรักษ์นิยมของนายมอเรย์ อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวทางบริหารนโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ นายทรัมป์ยังไม่ได้เสนอชื่อนายมอเรย์อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แต่ก่อนหน้านี้ได้มีการผู้ถึงแนวคิดดังกล่าวอยู่หลายครั้ง
· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมเจรจากับบรรดา ส.ส. ในรัฐสภาอังกฤษวันพุธนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นางเมย์จะเจรจากำหนดวันที่สำหรับกระบวนการถอนตัวออกจากอียู ซึ่งอาจเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะเรียกเสียงสนับสนุนจากบรรดา ส.ส. หลังจากที่ข้อตกลง Brexit ของเธอถูกรัฐสภาปฏิเสธถึง 2 ครั้ง
ซึ่งสมาชิกรัฐสภาบางส่วนเริ่มส่งสัญญาณที่จะให้การสนับสนุนแผน Brexit ของเธอก่อนที่จะพิจารณาเลือกผู้นำในการเจรจากับอียูคนใหม่ ขณะที่ทางพรรคตัวแทนไอร์แลนด์เหนือยังคงท่าทีปฏิเสธแผนของเธออยู่
· ผลสำรวจของภาคเอกชนจีน (CBB) เผยว่า เศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวในช่วงไตรมาสแรก อันได้รับแรงสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการภาคบริษัทฯ, ภาคการลงทุน และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น แต่ทางกลุ่มผู้ดำเนินนโยบายจีนอาจจำเป็นที่จะต้องเพิ่มระดับสินเชื่อให้มากขึ้น
· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นท่ามกลางภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดที่ตึงตัว และคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่จะปรับตัวลง จึงลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์อ่อนแอในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงไปได้บางส่วน
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 70 เซนต์ ที่ 67.89 เหรียญ/บาร์เรล และอยู่ไม่ห่างจากระดับสูงสุดของปีที่ทำไว้เมื่อ 21 มี.ค. บริเวณ 68.69 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1 เหรียญ คิดเป็น +1.9% ที่ระดับ 59.94 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างการซื้อขายมีจังหวะที่ยืนเหนือ 60 เหรียญได้ในช่วงต้นตลาด