• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 27 มีนาคม 2562

    27 มีนาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียและนิวซีแลนด์ หลังธนาคารกลางนิวซีแลนด์ส่งสัญญาณให้กับตลาดว่า อาจพิจาณาผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในอนาคตอันใกล้นี้

โดยดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.2% บริเวณ 96.912 จุด

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลง 1.5% บริเวณ $0.6803 ทำระดับต่ำสุดที่ $0.6797 หลังธนาคารกลางประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมส่งสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยครั้งต่อไป อาจเป็นการปรับลดดอกเบี้ย

· นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui Trust ระบุว่า บรรดาประเทศอุตสาหกรรมเริ่มที่จะหันมาใช้นโยบายผ่านคลายทางการเงินกันมากขึ้น และนิวซีแลนด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงิน นับตั้งแต่การประชุมเฟดเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่เฟดมีคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปี ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

นอกจากนี้ ทางอีซีบีหรือธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางออสเตรเรีย ธนาคารกลางญี่ปุ่น ต่างก็หันไปในเชิงผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินไปตั้งแต่เมื่อปี 2018 แล้ว

· นักวิเคราะห์จาก Barclays ระบุว่า ความต้องการในค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับเข้ามา หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุด ประกอบกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซน ตลาดจึงให้ความสนใจไปยังดอลลาร์มากกว่า

· ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงวันนี้ 0.1% บริเวณ 1.1255 ดอลลาร์/ยูโร โดยเป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องจากเมื่อคืน ขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจยูโรโซนไม่ค่อยสดใสนัก หลังตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีประกาศออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ตอกย้ำถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

· ด้านค่าเงินปอนด์อ่อนค่า 0.15% แถว 1.3185 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากแข็งค่าขึ้นมาได้บ้างในช่วงต้นตลาด เนื่องจากถูกกดดันโดยการแข็งค่าของดอลลาร์


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นเล็กน้อยแถว 2.417% หลังจากเมื่อวันจันทร์ปรับร่วงลงไปแถว 2.377% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2017



· บทวิเคราะห์จาก Daily FX ระบุว่า ค่าเงินยูโรได้พยายามที่จะ Breakout ออกจากเส้นแนวต้านของเทรนขาลงระยะยาว แต่ไม่สำเร็จ และถูกกดดันลงมาอีกครั้ง ก่อเกิดเป็นลักษณะจุดสูงยกต่ำ (Lower high) ติดต่อกัน ทำให้เทรนขาลงระยะยาวที่ดำเนินมาตั้งแต่ ก.ย. ปี 2018 ยังคงอยู่

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรจะมีแนวรับสำคัญที่ 1.1176 ดอลลาร์/ยูโร ที่เป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 7 มี.ค. หากหลุดแนวนี้ลงมา จะเปิดโอกาสให้ร่วงต่อลงไปถึงแนวรับที่บริเวณ 1.1110-32 ดอลลาร์/ยูโร ในทางกลับกัน หากค่าเงินจะลบล้างทิศทางขาลงระยะสั้น ก็จำเป็นต้องปิดตลาดเหนือระดับ 1.1434 ดอลลาร์/ยูโรให้ได้เสียก่อน



· Joseph LaVorgna นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Natixis ได้วิเคราะห์จากวัฏจักรการปรับอัตราดอกเบี้ยทั้ง 5 วัฏจักรที่ผ่านมา และพบว่าช่วงเวลาระหว่างการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายและการเปลี่ยนมาปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของแต่ละวัฏจักร มีระยะเวลาห่างกันเฉลี่ยอยู่ที่ 6.6 เดือน

อย่างไรก็ตาม LaVorgna ชี้ว่า ในแต่ละวัฏจักรดูจะมีช่วงระยะเวลาที่ห่างออกจากกันมากขึ้น โดยจากกราฟด้านล่างจะเห็นได้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในเดือน ส.ค. ปี 1984 กับการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ปี 1984 ห่างกันเพียง 1 เดือนเท่านั้น ตามมาด้วยระยะห่าง 4 เดือน สำหรับวัฏจักรในเดือน ก.ค. ปี 1989 จากนั้น 5 เดือน สำหรับเดือน ก.พ. ปี 1995 ถัดมาที่ 8 เดือนสำหรับเดือน พ.ค. ปี 2000 จนถึง ม.ค. ปี 2001 และระยะห่าง 15 เดือน ระหว่างเดือน มิ.ย. ปี 2006 จนถึง ก.พ. ปี 2007

ทั้งนี้ LaVorgna ระบุถึงเงื่อนไข 3 ข้อ ที่จะทำให้เฟดต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเงื่อนไขที่ 1 คือการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 2/2019 ไม่สามารถฟื้นตัวได้แข็งแกร่งอย่างที่คาดหวังเอาไว้ หลังเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1/2019 อ่อนแอลงมากกว่าที่คาด เงื่อนไขที่ 2 คือ พบสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะไม่สามารถขยายตัวถึงเป้าหมายที่ 2% ของเฟด หรืออาจชะลอตัวลง และเงื่อนไขที่ 3 คือ ตรวจพบว่าตลาดการเงินมีสภาวะตึงตัว กล่าวคือ ราคาหุ้นถูกกดดันในขณะที่ส่วนต่างของเครดิตขยายวงกว้างขึ้น

· หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก Credit Suisse ประเมินจากการเคลื่อนไหวของตลาดพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมาได้ว่า มีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลง สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน ดังนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแน่นอน แต่จะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกสัก 2-3 ปี

· นายสเตฟเฟน มอเรย์ ผู้ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเสนอชื่อให้รับตำแหน่งสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด ได้กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5%

อย่างไรก็ตาม บรรดาสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟดชุดปัจจุบัน ยังคงไม่มีใครเห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในตอนนี้แม้แต่คนเดียว

โดยล่าสุด นางแมรี่ แดรี่ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้ประกาศว่า เธอไม่สนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เนื่องจากมองว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับ Neutral และการพิจารณานโยบายดอกเบี้ยขั้นต่อไป จำเป็นต้องวิเคราะห์จากข้อมูลทางเศรษฐกิจต่อไปก่อน

· การเจรจาทางการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ มีหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ มองว่า น่าจะยังไม่สามารถเจรจาเพื่อให้เกิดข้อตกลงกันได้จนกว่าจะถึงช่วงเดือนพ.ค. หรือมิ.ย.

โดยอดีตกรรมการผู้จัดการและเป็นประธานบริหารของสถาบัน International Finace กล่าวว่า การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนยังมีความซับซ้อน ดังนั้น ข้อตกลงจึงน่าจะเกิดขึข้นในช่วงปลายเดือนพ.ค. มิ.ย. หรือกรอบเวลาที่นานกว่านั้น มากกว่าจะเห็นในเดือนเม.ย.

· นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นเพียงภาวะชั่วคราว ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรงแต่อย่างใด

· บรรดา ส.ส. ในรัฐสภาอังกฤษได้ชิงอำนาจในการบริหารนโยบาย Brexit กลับคืนมาจากนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เป็นเวลา 1 วัน หลังจากที่การลงมติเมื่อคืนผ่านไปอย่างเป็นเอกฉันท์ และทางรัฐสภามีกำหนดจะลงมติภายในวันพุธนี้ เกี่ยวกับตัวเลือกอื่นๆของกรณี Brexit หลังจากนั้นจะเริ่มผลักดันการดำเนินนโยบายไปในทางเลือกที่รัฐสภาเห็นพ้องกัน

ทางเลือก Brexit ที่รัฐสภาอังกฤษจะโหวต

1. ยกเลิกนโยบาย Brexit

2. จัดการลงประชามติอีกรอบ

3. สนับสนุนนโยบาย Brexit ของเมย์

4. สนับสนุนแผน Brexit แบบ "Norway plus" ที่จะทำให้อังกฤษยังอยู่ในตลาดเดี่ยวของอียู

5. สนับสนุน “No deal” Brexit

· ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากช่วงตลาดก่อนหน้า แต่ราคาถูกจำกัดเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยที่กดดันคปริมาณอุปสงค์ในน้ำมัน

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 68.14 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อวาน ราคาปรับสูงขึ้นได้ 76 เซนต์ ปิดตลาดที่ 67.97 เหรียญ/บาร์เรล ใกล้ระดับสูงสุดในรอบปีที่ 68.69 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.2% บริเวณ 60.03 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อวาน ปรับสูงขึ้นได้ 1.9% ปิดตลาดที่ 59.94 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า ดูเหมือนตลาดน้ำมันจะเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุล หลังจากตลาดผ่านความผันผวนมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเคลื่อนไหวต่อไปของราคา ยังจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิดไปก่อน


· สัญญาณ Bearish Evening Star ในกราฟแท่งเทียนยังคงบ่งชี้ว่าราคากำลังทำ Top และจะยืนยันถึงทิศทางกลับตัวลดลงทันที หากราคาปิดต่ำกว่าแนวรับระยะสั้นที่บริเวณ 57.27-88 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งจะทำให้ราคามีความเสี่ยงจะย่อตัวลงมาถึงบริเวณ 55.37-75 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากราคาฟื้นตัวเหนือแนวต้านที่ 60.45 เหรียญ/บาร์เรล จะเป็นการลบล้างสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลงระยะสั้น และราคาจะมีแนวต้านถัดไปที่ 62.28 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com