· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางต่างๆมีสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนตัว โดยล่าสุดธนาคารกลางนิวซีแลนด์ หรือ RBNZ ก็มีการระบุถึงแนวทางนโยบายดอกเบี้ยครั้งต่อไปที่มีแนวโน้มจะปรับลดลงมากกว่า สอดคล้องกับแนวทางการใช้นโยบายของธนาคารกลางต่างๆ
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 96.879 จุด ทางด้านค่าเงินยูโรปรับขึ้น 1.1253 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินยูโรมีการปรับขึ้นอย่างจำกัดหลังจากที่ถ้อยแถลงของประธานอีซีบีมีแนวโน้มจะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไป
· ค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.3188 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากไปทำระดับต่ำสุดที่ 1.3143 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยค่าเงินปอนด์เคลื่อนไหวจำกัดหลังนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำการลาออกจากตำแหน่งหากรัฐสภาอังกฤษสามารถตกลงหาทางออกจากอียูได้อย่างเป็นเอกฉันท์ ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมา อียู เผยยืดเวลาให้อังกฤษออกจากอียูภายใน 12 เม.ย.
· นักวิเคราะห์จาก FXStreet มีมุมมองว่า ค่าเงินยูโรเผชิญแรงเทขายทำกำไรทำให้ลงมาเคลื่อนไหวแถว 1.1240 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เส้น Fibonacci Retracement 76.4% อยู่ที่ 1.1176 / 1.1448 ดอลลาร์/ยูโร สัมพันธ์กับความแข็งแกร่งของสัญญาณ RSI ในระดับรายชั่วโมงที่มีลักษณะเป็น Higher lows จึงอาจทำให้เราเห็นถึงการปรับฐานของค่าเงินยูโรได้ก่อนทราบข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมนี
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามคือการประกาศข้อมูลจีดีพีไตรมาสที่ 4/2018 ของสหรัฐฯที่ดูจะชะลอตัวลงแตะ 2.4% เมื่อเทียบรายปี จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6% และดูเหมือนข้อมูลจีดีพีดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบกับตลาดการเงินเพียงเล็กน้อย ยกเว้นจะเห็นข้อมูลออกมาผิดคาดหรือมากกว่าคาดการณ์ ซึ่งอาจเป็นตัวตอกย้ำว่าเฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ยตามที่ประเมินไว้ว่าจะเกิดขึ้นช่วงปี 2020 และนั่นจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรดีดกลับมาแข็งค่า
· อัตราผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 3 เดือนยังคงปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวว่าจะสอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
อัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีทรงตัวแถว 2.3611% ขณะที่อัตราผลตอบแทน 30 ปี ปรับลงมาที่ 2.8082%
จากตัวอย่างภาวะผกผันของอัตราผลตอบแทนในช่วงปลายปี 2005, 2006 และอีกครั้งในปี 2007 มักจะเกิดขึ้นก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะอ่อนตัวลง และภาวะดังกล่าวเราจะเห็นได้อีกครั้งในปี 2018 อย่างไรก็ดี คืนนี้ต้องติดตามข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วด้วย
· Daily FX คาด การประกาศยอด GDP สหรัฐฯคืนนี้ หากออกมาอ่อนแอลง อาจทำให้ภาวะ Risk-off ในตลาดดำเนินต่อไป และกดดันสินค้าโภคภันฑ์
โดยยอด GDP ในไตรมาสที่ 4/2018 ของสหรัฐฯที่จะประกาศคืนนี้ ถูกคาดไว้ที่ 2.3% ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.6% หากตัวเลขประกาศออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาด กดดันราคาสินค้าโภคภันฑ์ รวมไปถึงความเชื่อมั่นของตลาด
· สถาบันผลสำรวจทางสถิติหรือ BEA ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะมีการประกาศข้อมูล GDP ไตรมาสที่ 4/2018 ในคืนนี้เวลา 19.30น. ตามเวลาไทย โดยมีคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาสดังกล่าวจะปรับลงสู่ 2.4% จากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ 2.6% และมีกรอบการเคลื่อนไหวประมาณ 1.9 - 2.7%
ขณะที่ไตรมาสที่ 2/2018 จะเห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่ 4.2% ก่อนจะปรับลงสู่ 3.4% ในไตรมาสที่ 3/2018 และสุดท้ายในไตรมาสที่ 4/2018 ก็ถูกคาดว่าจะปรับลงมาที่ 2.6% โดยเป็นการปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางคาดการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันของเฟดสาขาแอตแลนต้าที่มองการขยายตัวไตรมาสแรกของปีนี้จะอยู่ที่ 1.3% ขณะที่สาขานิวยอร์กมองว่าจะขยายตัวได้ 1.29%
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ดูจะปรับตัวลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปีที่ผ่านมาแต่ภาพรวมก็ยังแข็งแกร่งอยู่ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนอ่อนตัวลงจาก 100.8 จุด สู่ระดับ 90.7 จุดในช่วงม.ค. แต่ก็ฟื้นกลับได้ในเดือนมี.ค.นี้ที่ 97.8 จุด
· สรุปได้ว่า การขยายตัวของจีดีพีสหรัฐฯ ดูจะยังไม่มีอะไรแปลกใหม่น่าประหลาดใจมากจากที่ปรับทบทวนประมาณการณ์จากครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา แต่ความอ่อนแอของยอดค้าปลีก ก็ดูจะส่งผลกระทบบางส่วน เนื่องจากในภาคธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯก็ยังมีสัญญาณบวกและไม่ได้ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าที่ประเมินไว้
· รายงานจากเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ระบุว่า บรรดาตัวแทนของทั้งสหรัฐฯและจีนสามารถมีการเจรจาทางการค้าที่คืบหน้ามากขึ้นในหลายๆหัวข้อ แต่ยังคงติดปัญหาในหัวข้อสำคัญๆ อย่างเช่นเรื่องของการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีแบบบังคับ
ขณะที่ทางนายโรเบิร์ต ไรท์ไทเซอร์ ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ และนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนแล้วในวันนี้ เพื่อร่วมเจรจาทางการค้ากับตัวแทนของจีน การเจรจาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ หลังจากที่การเจรจาเพื่อผลักดันในเกิดการลงนามในสนธิสัญญาร่วมกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศไม่ประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้ ภายหลังจากการเจรจาในสัปดาห์นี้ บรรดาตัวแทนจะมีการเจรจาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งคราวหน้าจะจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ
· อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน เชื่อมั่นว่า สหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ภายในสิ้นเดือน เม.ย. หรืออาจใช้เวลามากกว่านั้นหน่อยนึง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้อตกลงทางการค้าก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ไม่เช่นั้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศก็จะได้รับผลกระทบในเชิงลบ
สำหรับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ที่ประสบความล้มเหลวในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา อดีตทูตกล่าวว่า ไม่ควรนำมาเป็นปัจจัยกดดันการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน และทั้ง 2 ประเทศก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเจริญรอยตามการเจรจาที่ล้มเหลวไปแล้ว
· นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ละฝ่ายดูเหมือนจะอยู่ในภาวะต้องการสรุปข้อตกลงและร่างสนธิสัญญาทางการค้าขึ้นมาให้สำเร็จเต็มแก่แล้ว ก่อนที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อลงนามในข้อตกลงทางการค้า ภายในเดือนหน้า
· รายงานจากกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีนระบุว่า นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน จะเริ่มการเจรจาการค้าร่วมกับนายไรท์ไทเซอร์และนายมนูชินภายในคืนนี้ ส่วนการเจรจาในวันศุกร์จะดำเนินตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯยังได้ระบุว่า การเจรจาร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายผ่านทางโทรศัพท์ก่อหน้านี้ มีความคืบหน้าไปได้อย่างดี แต่ยังคงเหลือประเด็นสำหรับการเจรจาอยู่อีกมากมาย
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากที่ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้นเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.4% ที่ระดับ 67.56 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.5% ที่ะรดับ 59.09 เหรียญ/บาร์เรล
· นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสประจำ OANDA ระบุว่า การที่ราคาปรับร่วงลงมาในวันนี้ยังไม่ส่งผลให้ราคาหลุดระดับบจากทิศทางขาขึ้น เนื่องจากมองว่าปัจจัยหนุนราคาน้ำมันที่เกิดจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและภาวะอุปทานที่ตึงตัว ยังมีเป็นปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่งอยู่ แม้จะความกังวลเกี่ยวกับภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและการผลิตสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นก็ตาม
· Daily FX ระบุว่า จากบทวิเคราะห์คราวก่อน ได้ประเมินไว้ว่าราคาน้ำมัน WTI กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 59.61 – 60.06 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเชื่อว่าราคาจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หากผ่าน Breakout จากแนวต้านนี้มาได้ อย่างไรก็ตาม ราคายังคงไม่ผ่านแนวต้านนี้ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยและทรงตัวใกล้แนวต้าน
สำหรับแนวรับวันนี้ มองไว้ที่ 57.24 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับเปิดตลาดของเดือนนี้ ส่วนแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 55.53 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 61.62 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ตามมาด้วย 62.56 เหรียญ/บาร์เรล
· ราคาน้ำมันค่อนข้างที่จะทรงตัวในวันนี้ แต่ในกราฟยังคงมีสัญญาณของ Bearish Evening Star ที่กดดันการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ สำหรับแนวรับวันนี้ มองไว้ที่ 57.27 – 88 เหรียญ/บาร์เรล หากปิดตลาดต่ำกว่าแนวนี้ จะเป็นการยืนยันถึงทิศทางปรับตัวลง และจะมีแนวรับถัดอยู่แถว 55.37 – 75 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากราคาดีดขึ้นเหนือแนว 60.45 เหรียญ/บาร์เรล จะมีแรงส่งให้ปรับขึ้นต่อไปถึงแนว 62.28 เหรียญ/บาร์เรล