· การประกาศข้อมูลภาคอุตสาหกรรมจีนที่ออกมาสดใสผิดคาด ได้หนุนให้ค่าเงินหยวนและดอลลาร์ออสเตรเรียต่างปรับแข็งค่าขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางปริมาณความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่ฟื้นตัวกลับเข้ามาในตลาด ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่เป็น Safe-haven
· โดยค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.25% แถว 6.707 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า 0.3% เมื่อเทียบกับเงินเยนแถว 111.12 เยน/ดอลลาร์ โดยเป็นการแข็งค่าต่อเนื่องจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง ที่ 109.70 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินอ่อนค่าลงไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
· ด้านค่าเงินยูโรยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1.1210 ดอลลาร์/ยูโร โดยล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.1% แถว 1.1232 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงเล้กน้อยแถว 1.3032 ดอลลาร์/ปอนด์ ยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1.2977 ดอลลาร์/ปอนด์ และระดับต่ำสุดของเดือนก่อนที่ 1.2945 ดอลลาร์/ปอนด์
· ค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าลงอย่างหนักอีกครั้ง แถว $5.6913 ในช่วงเปิดตลาดลอนดอนวันนี้ เทียบกับเมื่อวันศุกร์ที่ค่าเงินเคลื่อนไหวแถว $5.55 หลังผลการเลือกตั้งล่าสุด บ่งชี้ว่า นายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี พ่ายแพ้การเลือกตั้งทั้งในเมืองหลวงอังการาและเมืองอิสตันบูล จึงทำให้ภาพรวมดูจะเป็นความพ่ายแพ้ของนายเออร์โดกันครั้งแรกในรอบ 25 ปี
· ค่าเงินยูโรเปิดตลาดแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเมื่อช่วงเช้าประกาศออกมาในแดนบวกผิดคาด ทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดดีขึ้นบางส่วน ส่วนปัจจัยต่อๆไปที่ตลาดจะจับตา ได้แก่ เงินเฟ้อยูโรโซน ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ และดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ
ในเชิงเทคนิค การที่ค่าเงินยังเคลื่อนไหวสูงกว่าเส้น 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร อาจเป็นสัญญาณว่าทิศทางขาลงเริ่มอ่อนกำลัง และอาจมีการดีดกลับขึ้นมาได้ในระยะสั้นๆ หากค่าเงินยืนเหนือแนว 1.1245 – 50 ดอลลาร์/ยูโรได้ จะยิ่งทำให้สัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นระยะสั้นๆมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากเกิดกรณีดังกล่าว แนวต้านจะขยับขึ้นมาที่ 1.1300 ดอลลาร์/ยูโร แต่การปรับขึ้นต่อไปน่าจะถูกจำกัดอยู่แถว 1.1325-30 ดอลลาร์/ยูโร
ในทางกลับกัน หากราคาร่วงต่ำกว่า 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร จะทำให้ทิศทางกลับเป็นขาลงอีกครั้ง และจะยิ่งทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงแรงกว่าเดิม โดยจะมีแนวรับลงไปถึงบริเวณ 1.1175 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ ตามมาด้วยแนว 1.1100 ดอลลาร์/ยูโร เป็นแนวรับถัดไป
· ค่าเงินปอนด์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาที่ 1.3030 ดอลลาร์/ปอนด์ ในช่วงก่อนเปิดตลาดลอนดอนวันนี้ โดยค่าเงินยังคงปรับอ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดหลังจากที่รัฐสภาอังกฤษยังคงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอสำหรับข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
ค่าเงินปอนด์หลุดต่ำกว่ากรอบ Ascendant ระยะยาวเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว และเผชิญกับแรงเทขายตามมาก่อนที่จะสัญญาณทางเทคนิคปรับตัวลงตามมา ขณะที่ภาพระดับวัน ค่าเงินปอนด์ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 EMA และเส้น 20 DMA ในเชิงเทคนิคภาพรวมของราคาเป็นขาลง และมีโอกาสลงต่อ แต่เส้น RSI ทรงตัวเหนือ 43 จึงช่วยทำให้ราคามีแรงดีดกลับได้บางส่วนจากระดับต่ำสุดในสัปดาห์ที่แล้ว 1.2977 ดอลลาร์/ปอนด์
แนวรับวันนี้: 1.3000, 1.2965 และ 1.2920
แนวต้านวันนี้: 1.3080, 1.3125 และ 1.3160
· ข้อมูลภาคการผลิตของจีนประจำเดือนมี.ค.กลับมาเติบโตอย่างมากกว่าที่คาดเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะเริ่มมีผลดีขึ้นอย่างช้าๆ
โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ประจำเดือนมี.ค. ขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 8 เดือน เพิ่มขึ้นเป็น 50.8 จากเดิมที่ระดับ 49.9 ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี การขยายตัวของคำสั่งซื้อในประเทศและการส่งออกค่อนข้างน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงถูกกดดันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและมีแนวโน้มว่าจะต้องได้รับการสนับสนุนนโยบายเพิ่มเติมก่อนที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ
· ญี่ปุ่นได้ประกาศชื่อยุคสมัยใหม่ของประเทศ จากการที่เจ้าชายนารุฮิโตะจะขึ้นครองราชย์แทนจักรพรรดิอากิฮิโตะในวันที่ 1 พ.ค. นี้ โดยยุคสมัยของญี่ปุ่นจะถูกเรียกว่า ยุค “เรวะ” จากเดิมยุค “เฮเซ” โดยนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า นี่เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
· การเมืองอังกฤษยังคงอยู่ในภาวะผันผวน หลังความพ่ายแพ้ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในการลงมติข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 3 เมื่อคืนวันศุกร์ ล่าสุด เธอกำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายๆฝ่ายให้พิจารณา 3 ทางเลือก ระหว่าง 1) การถอนตัวออกจากอียูแบบ No deal 2) จัดการเลือกตั้ง หรือ 3) Soft Brexit
ขณะที่ รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติทางเลือก Brexit อีกครั้งภายในคืนวันจันทร์นี้ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าทางเลือกที่จะคงอยู่ในเขตการค้าเสรี (Custom union) ร่วมกับอียูจะเป็นทางเลือกที่ได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุด
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่ถูกกดดันจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก
การประกาศข้อมูลภาคอุตสาหกรรมจีนที่ออกมาสดใสผิดคาดและสัญญาณเชิงบวกของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ่ ช่วยหนุนวามเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1% ที่ระดับ 68.22 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 60.57 เหรียญ/บาร์เรล
· ราคาน้ำมัน WTI ล้มเหลวที่จะปรับขึ้นเหนือแนวต้านสำคัญได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาณของทิศทางขาลงก็ยังไม่ปรากฏออกมา รวมถึงสัญญาณจากเส้น RSI ที่เคลื่อนไหวแดนลบ บ่งชี้ว่า ราคาอาจยังไม่ได้ทำจุด Top ทั้งนี้ ราคาจะมีแนวรับแถว 57.24 – 57.88 เหรียญ/บาร์เรล ในกรณีที่เกิดการย่อตัวกลับลงมา หากหลุดลงมาจะมีแนวรับถัดไปที่ 55.31 – 55.75 เหรียญ ในทางกลับกัน หากราคาปิดตลาดเหนือระดับ 60.45 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นเส้น 38.2% Fibonacci expansion ก็จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 62.28 เหรียญ/บาร์เรล