· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีนเรื่องภาคอุตสาหกรรมที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด จึงช่วยบรรเทาความตึงเครียดเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 329.74 จุด ที่ 26,258.42 จุด โดยกลับมายืนเหนือ 26,000 จุด นับตั้งแต่ 26 ก.พ. ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +1.2% ที่ระดับ 2,867.19 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +1.3% ที่ 7,828.91 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึึ้น 1.2% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงนั้นผ่อนคลายลงไป โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.96% ด้านดัชนี Topix ปิด +0.78% ทางด้านดัชนี Kospi เปิด +0.45%
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.67-31.80 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนรอคอยผล Brexit และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ขณะที่เมื่อวานมีการเคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาค
· สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรือ อัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.62 อยู่ที่ 102.37 ขยายตัว 1.24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดคาด 0.90% และขยายตัว 0.41% จากเดือน ก.พ.62
· ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน มี.ค.62 อยู่ที่ระดับ 51.4 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.62 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่มีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและต้นทุนเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผลิตยานยนต์ที่มีคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศที่ดีขึ้น และตลาดส่งออกที่สำคัญยังขยายตัวได้ ขณะที่คำสั่งซื้อของกลุ่มผลิตปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ และกลุ่มผลิตเหล็กมาจากลูกค้าในประเทศเป็นสำคัญ ตามโครงการลงทุนก่อสร้างของทั้งภาครัฐแลเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง
· ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 62 ยังคงเชื่อมั่นว่าจะขยายตัวได้ 3.8% ตามที่ ธปท.ประเมินไว้ แม้ว่าปัจจัยภายนอกยังมีความผันผวนและการเมืองในประเทศยังไม่ชัดเจน เนื่องจากพื้นฐานของเศรษฐกิจยังมีความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพที่ดี