ราคาทองคำอ่อนตัวลง 0.1% ที่ 1,286.82 เหรียญ หลังลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 7 มี.ค. ที่ 1,284.76 เหรียญในช่วงต้นตลาด ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับตัวลงประมาณ 0.3% ที่ 1,291 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ผ่านไม่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ ได้ผ่อนคลายลงไปและทำให้ความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนในช่วง 1-2 วันนี้ปรับตัวขึ้นและเข้าเทขายทองคำ ซึ่งข้อมูลที่ทำให้ความกังวลลดน้อยลงไป คือข้อมูลภาคการผลิตจากจีนที่ออกมาดีขึ้น
ข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯและจีนได้ก่อให้เกิดแรงเทขายในตลาดพันธบัตรเมื่อวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวทำระดับสูงสุดรอบ 7 เดือน
· สำหรับกลุ่มนักลงทุนรอคอยข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯในเดือนมี.ค. ที่จะเปิดเผยในคืนวันศุกร์นี้ ว่าจะบ่งชี้ถึงสภาพเศรษฐกิจในการขยายตัวเช่นไร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาไปยังประเด็นเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีน หลังจากที่ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ นายหลิว เฮ่อ รองนายกจีนมีกำหนดเดินทางมาสหรัฐฯเพื่อเจรจาต่อ
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก OANDA กล่าวว่า ภาพทางเทคนิคราคาเคลื่่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,275 - 1,280 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญระยะยาว
· บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินกันว่า ไม่ว่าจะเกิดภาวะ Hard Brexit หรือไม่นั้น ปัจจัยที่จะช่วยหนุนทองคำได้นั้น คือค่าเงินปอนด์
ภาวะ Hard Brexit คือกรณีที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบได้ข้อตกลงที่ไม่ค่อยดีนัก หรือไม่มีข้อตกลงใดๆเลย ซึ่งตลาดบางส่วนก็ได้มีการคาดการณ์ถึงโอกาสทีจะเกิดกรณีดังกล่าวเอาไว้ค่อนข้างสูงเช่นกัน
· นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ระบุว่า หากเกิดกรณี Hard Brexit ปัจจัยที่อาจหนุนราคาทองคำขึ้นมาได้ คือความผันผวนอย่างรุนแรงของตลาดค่าเงิน กล่าวคือ หากค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างหนักจากกรณี Hard Brexit อาจเห็นอังกฤษเข้าถือครองทองคำมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง และการที่ราคาทองคำในอังกฤษถูกลงเนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่า
อย่างไรก็ตาม การถือครองทองคำของอังกฤษอาจไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดโลกได้เท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับการถือครองของสหรัฐฯ หรือประเทศแถบเอเชีย
ยังมีปัจจัยที่เรายังไม่ทราบอีกมากมาย สำหรับกรณี Brexit จึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ นอกเหนือจากความผันผวนอย่างหนักของตลาดค่าเงินในอังกฤษแล้ว ภาวะ Brexit อาจไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดทองคำโลกมากนัก
· อีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์จาก RJO Futures ระบุว่า หากค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นได้จากการที่ Brexit ดำเนินไปอย่างราบรื่น ก็อาจเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำได้
แต่การที่จะเกิดกรณีดังกล่าวได้จริงนั้น จำเป็นต้องเห็นค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างมากอย่างนั้น เนื่องจากเมื่อค่าเงินปอนด์แข็งค่า ค่าเงินดอลลาร์จะถูกกดดันอ่อนค่าลง และเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำก็จะได้รับแรงหนุนขึ้นมาแทน จึงจำเป็นต้องจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์อย่างใกล้ชิด
ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์ในปัจจุบัน ดูเหมือนจะถูกกดดันลงมากเกินไป เนื่องจากกระแสข่าว Brexit ในเชิงลบที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หาก Brexit ส่งสัญญาณในเชิงบวกอย่างชัดเจนเมื่อไหร่ จะมีโอกาสเห็นค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นมาได้อย่างมาก
· ทางด้านนักวิเคราะห์จาก RBC Wealth Management ระบุว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์ เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อราคาทองคำเช่นเดียวกัน
โดยทิศทางของราคาทองคำในช่วงนี้ดูจะไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่แข็งแกร่ง แต่นั้นเป็นเพียงมุมมองในระยะสั้นของทองคำเท่านั้น ขณะที่มุมมองในระยะยาว นักวิเคราะห์ยังคงมองทองคำไปในเชิงบวก โดยคาดว่าทองคำจะมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,275 – 1,325 เหรียญ ส่วนในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวแถว 1,315 เหรียญ หรือสูงกว่านั้น
· ราคาพลาเดียมปรับลง 0.4% ที่ 1,414.11 เหรียญ หลังจากที่ปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดช่วงปลายเดือนก.พ. เมื่อวานนี้ ทางด้านราคาซิลเวอรืปรับลง 0.3% ที่ 15.06 เหรียญ ทางด้านพลาเดียมปรับขึ้น 0.2% ที่ 849.47 เหรียญ