· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ท่ามกลางนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังมีสัญญาณที่ดีต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน
โดยดัชนี pan-European เปิด +0.7% ทำระดับสูงสุดนับตั้งวันที่ 10 ส.ค.
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ท่ามกลางแรงหนุนจากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาสดใส ขณะที่ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวใกล้ระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับสูงขึ้น 0.8% โดยระหว่างวันทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีได้ปรับสูงขึ้นมาแล้วกว่า 3% นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงตัวเลขภาคผลิตที่สดใสทั้งของจีนและสหรัฐฯ
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวก ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น และส่งผลให้หุ้นกลุ่มผู้ส่งออกและกลุ่มวัฏจักรปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นรายใหญ่อย่าง Fast Retailing ปรับสูงขึ้น หลังการรายางนผลประกอบการรายเดือนออกมาสดใส
โดยดัชนี Nikkei ปิด +0.97% ที่ 21,713.21 จุด เคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบปีที่ 21,860.39 จุด ซึ่งเพิ่งขึ้นไปได้เมื่อเดือนที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ส่งออก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่งาสหรัฐฯ-จีน ปรับสูงขึ้น 2.8% ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเดือน นำโดยหุ้น Kawasaki Kisen ที่ปรับสูงขึ้น 5.6%
· ตลาดหุ้นจีนปิดบวกใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2018 ท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยดัชนีหุ้นบลูชิฟปิด +1.3% ที่ 4,022.16 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ปิดบวก 1.2% ที่ 3,216.30 จุด