• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 เมษายน 2562

    9 เมษายน 2562 | Economic News

· ดัชนีดอลลาร์เมื่อคืนอ่อนค่าลง 0.37% หลังตัวเลขยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ ประกาศออกมาลดลง 0.5% จึงยิ่งกดดันแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัว ประกอบกับการแข็งค่าของเงินยูโรขึ้น 0.42% แถว 1.1265 ดอลลาร์/ยูโร หลังตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีประกาศออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด

เช้านี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมาเคลื่อนไหวแถว 97.081 จุด หลังจากปรับร่วงลงจากระดับ 97.2 จุด เมื่อคืน


ทั้งนี้ ตลาดยูโรกำลังจับตาการประชุมของอีซีบี ที่จะมีขึ้นในคืนพรุ่งนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า อีซีบีจะยังคงอัตราดอกเบี้ย แต่อาจมีการส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินได้


· ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานในสหรัฐฯปรับลดลงเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขนส่งเพิ่มขึ้นหลังปรับลดลงติดต่อกัน 4 เดือน แต่ในภาพรวม กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯเริ่มชะลอตัวท่ามกลางปริมาณสต็อกสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น


โดยยอดคำสั่งซื้อในเดือน ก.พ. ปรับลดลง 0.5% นำโดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับภาคคมนาคม คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิค

· รายงานจากเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวระบุว่า ตัวแทนการเจรจาของสหรัฐฯ “ยังไม่พึงพอใจ” ต่อการเจรจาร่วมกับจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะยอมรับว่าการเจรจามีความคืบหน้าที่ดีก็ตาม รวมถึงระบุว่า สหรัฐฯยังไม่มีการกำหนดช่วงเวลาใดๆสำหรับการทำข้อตกลงการค้าร่วมกับจีน เนื่องจากไม่ต้องการให้การเจรจาเป็นไปอย่างเร่งรีบ

· การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสนอชื่อ นายสเตปเฟน มอเรย์ และนายเฮอร์แมน เคน ให้รับตำแหน่งในบอร์ดบริหารของเฟด บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ทั้งสองคนจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา เนื่องจากทั้งสองไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม


· นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดการจะพบกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ภายในวันอังคารนี้ เพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลา Brexit ออกไปอีก ในขณะที่รัฐสภาอังกฤษยังคงหารือเกี่ยวกับหนทางในการดำเนินนโยบาย Brext ที่เป็นไปอย่างยืดเยื้อ

· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ท่ามกลางเหตุความรุนแรงในลิเบีย ทำให้เกิดความกังวลว่าการส่งออกน้ำมันจากลิเบียจะได้รับผลกระทบต่อภาพรวมอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ท่ามกลางการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก และการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านและเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ


ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.1% แถง 71.16 เหรียญ/บาร์เรล ยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดของเดือน พ.ย. ที่ 71.34 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.3% แถว 64.58 เหรียญ/บาร์เรล เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดของเดือน พ.ย. ที่ 64.77 เหรียญ/บาร์เรล เช่นเดียวกัน

· เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในลีเบียที่อาจเป็นฉนวนให้ตลาดน้ำมันกลับมาผันผวนอีกครั้ง โดยกองกำลังฝ่ายกบฏของลีเบียที่ขึ้นตรงกับนายพลคาลิฟา ฮัฟตาร์ ที่ยึดครองพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกของลีเบียเอาไว้ ได้เปิดฉากโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงตริโปลี ที่รัฐบาลลิเบียชุดที่สหประชาชาติให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ทำให้สงครามกลางเมืองลิเบียกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง


· นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs มองว่า ราคาน้ำมัน Brent จะปรับสูงขึ้นได้อีก แต่จะไปไม่ถึงระดับสูงสุดของปีก่อน ที่ 86 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากปริมาณสต็อกน้ำมันและปริมาณการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าระดับสูงสุดที่น่าจะขึ้นไปได้ในปีนี้อยู่ที่บริเวณ 70 – 75 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนระดับต่ำสุดอยู่ที่ 60 เหรียญ/บาร์เรล



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com