· ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางรายงานประชุมเฟดวาระ 19-20 มี.ค. แสดงให้เห็นว่า บรรดาสมาชิกเฟดมีการถกเถียงกันในเรื่องที่จะถือครองพันธบัตร และการคงดอกเบี้ย โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.07% ที่ 96.94 จุด
· รายงานประชุมเฟดเมื่อคืนนี้ สะท้อนว่าเฟดยังมีโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกเพียง 1 ครั้งก่อนช่วงสิ้นปีนี้ หากเงื่อนไขทางเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว ขณะที่บรรดาสมาชิกเฟดเห็นพ้องกันในการอดทนรอที่จะดำเนินการใดๆในเรื่องดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายการค้าและเงื่อนไขทางการเงิน
ขณะที่ตลาดเริ่มปรับมุมมองว่ามีโอกาสถึง 55% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า
· ทางด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง จากการที่นายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวย้ำว่า เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเผชิญกับความเสี่ยง และมีความเป็นไปได้ที่จะยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจภายในภูมิภาคเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.127 ดอลลาร์/ยูโร
· ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯร่วงลงหลังจากที่อีซีบีคงดอกเบี้ยและนายดรากี้ กล่าวเตือนถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยผลตอบแทนอายุ 10 ปีปรับลงสู่ 2.476% ด้านผลตอบแทน 30 ปี ปรับลง 2.901% ทางด้านผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของเยอรมนีปรับลงไปแตะ -0.039% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 2 เม.ย.
ทั้งนี้ ในถ้อยแถลงของนายดรากี้ มีขึ้นหลังไอเอ็มเอฟมีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนอันเนื่องจากภาวะความไม่แน่นอนทางการเมือง, ข้อตกลงทางการค้า และตลาดเกิดใหม่ที่ทั้งหมดเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่นายดรากี้ก็มีการย้ำถึงภาวะความเสี่ยงทางด้านขาลง
· นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวว่า การกล่าวข่มขู่จะขึ้นภาษีติดต่อกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังกดดันความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจในยูโรโซน
ขณะที่การประชุมอีซีบีเมื่อคืนนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ได้ยืนยันว่าทิศทางของเศรษฐกิจยูโรโซน “กำลังชะลอตัวลง” จริง
ยูโรโซนและสหรัฐฯตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียดทางการค้าอีกครั้ง หลังสหรัฐฯได้ข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยูโรโซน จากข้อสงสัยว่าทางอียูมีการจ่ายเงินสนับสนุนให้กับบริษัทผลิตอากาศยานรายใหญ่อย่าง Airbus ซึ่งนายทรัมป์ได้กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้กับสหัรฐฯเป็นเวลา “ติดต่อกันหลายปี”
· นายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานสภายุโรป กล่าวว่า อังกฤษไม่ควรใช้การขยายระยะเวลาการออกจากอียูอย่างสิ้นเปลือง ขณะที่กลุ่มผู้นำอียูและรัฐบาลอังกฤษ มีการเห็นพ้องกันในการขยายระยะเวลาที่ยืดหยุ่นสำหรับกรณี Brexit โดยมี Deadline ออกไปจนถึง 31 ต.ค.
รายงานจาก S&P Global Market Intelligence ระบุว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯได้ส่งผลกระทบให้บรรดาผู้ประกอบการให้สหรัฐฯพากันเปลี่ยนแหล่งที่มาของสินค้านำเข้าไปสู่ประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเม็กซิโก ขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าโดยรวมจากประเทศจีนสู่สหรัฐฯลดลงไป 6.4% ในไตรมาสที่ 1/2019 ส่วนหนึ่งเกิดจากการเร่งนำสินค้าในสต็อกที่เข้าซื้อก่อนนโยบายภาษีจะมีผลออกมาใช้มากขึ้น
· นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่า การเจรจาการค้าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าที่ดี และทั้งสองฝ่ายก็สามารถหาข้อตกลงในประเด็นส่วนใหญ่ร่วมกันได้ ขณะที่การเจรจาผ่านโทรศัพท์ร่วมกับนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน ก็มีความคืบหน้าและตกลงที่จะร่วมกันจัดตั้ง “หน่วยงานที่จะเข้ามาผลักดันการค้าของทั้ง 2 ประเทศ”
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นหลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯจากสต็อกน้ำมันแก๊สโซลีนที่ปรับตัวลง จึงช่วยบดบังสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในปีนี้ โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.04 เหรียญ หรือคิดเป็น +1.5% ที่ระดับ 71.65 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปทำระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 64 เซนต์ หรือ +1% ที่ 64.62 เหรียญ/บาร์เรล โดยยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ย.
กระทรวง EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตั้งแต่พ.ย. ปี 2017 จากยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สต็อกแก๊สโซลีนปรับตัวลงมากที่สุดตั้งแต่ก.ย. ปี 2017