· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% ที่ 96.918 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นจาก 1.1283 ดอลลาร์/ยูโร มาที่ 1.1308 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ออสเตรเลียดอลลาร์พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือนทำ High ที่ 72.08 ก่อนจะปิด +0.3% ที่ 71.92
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด และไปหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง รวมทั้งหนุนค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์
ทั้งนี้ จีดีพีจีนขยายตัวได้ 6.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งดีกว่าที่คาด ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น รวมทั้งอุปสงค์ของกลุ่มผู้บริโภคส่งสัญญาณฟื้นตัว
· ขณะที่ PMI ของยุโรปทั้งภาคการผลิตและบริการที่จะประกาศในวันนี้จะเป็นตัวชี้วัดถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของยุโรป จึงอาจเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดยุโรปได้หากข้อมูลเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งการแข็งค่าของค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
· สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 8 เดือนในเดือนก.พ. ท่ามกลางยอดส่งออกของจีนที่ปรับตัวขึ้น จึงช่วยลดความกังวลของภาพรวมยอดนำเข้าที่ปรับขึ้น และถือเป็นปัจจัยที่อาจหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯสำหรับประมาณการณ์ในไตรมาสแรกได้
· เมื่อคืนนี้ นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอในช่วงเริ่มต้นปีอาจเปลี่ยนเป็นดีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และการผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยน่าจะเห็นข่าวดีได้อย่างต่อเนื่องสำหรับสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 จึงมีโอกาสเห็น Yield Curve ปรับตัวขึ้น
· รายงานจากเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุว่า เฟดอาจจำเป็นต้องเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯให้มากกว่าช่วงเกิดวิกฤตการเงินปี 2008 เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับตลาดการเงินอื่นๆ ที่จะเป็ฯแนวทางต่อการจัดการเรื่องดอกเบี้ยให้เหมาะสม
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ในขณะที่สหรัฐฯและจีนกำลังพยายามบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายสำหรับ การเจรจาทางการค้า ทางการจีนก็ดูเหมือนจะมีการกำหนดตารางการเดินทางกับนายโดนัล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อเสนอที่เป็นไปได้ในเรื่องการหารือเกี่ยวกับสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ
หนึ่งในทริปสำคัญที่ถือเป็น Top List คือการคาดการณ์ที่ว่า นายทรัมป์ จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ที่คาดว่าจะมีการเจรจาที่น่าจะได้ข้อสรุป แต่ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มจากทางทำเนียบขาวและสถานทูตญี่ปุ่น ว่านายทรัมป์จะเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นหลังจากที่ญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแผ่นดินสู่ยุคของ เจ้าชายนารุฮิโตะที่จะขึ้นครองบัลลังก์ในวันที่ 1 พ.ค.นี้
· นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีกำหนดการจะพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 26 เม.ย. นี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการค้าและความร่วมมือกดดันเกาหลีเหนือให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขา
· สำนักข่าวในเกาหลีเหนือระบุว่า ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือได้มีการทดสอบขีปนาวุธอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ประชุมร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่ผ่านมา โดยทางสำนักข่าวยืนยันว่า การทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของนายคิม จอง อึน
ทางทำเนียบขาวและกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐฯยังไม่มีการออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าว แต่ระบุว่ายังไม่มีการตรวจพบขีปนาวุธถูกยิงออกมาแต่อย่างใด
· บรรดานักเศรษฐศาสตร์ในแบบสำรวจโดย Reuters เชื่อว่า โอกาสที่จะไม่เกิดกรณี Brexit มีมากกว่าโอกาสที่อังกฤษจะออกจากอียูแบบ No-deal ประมาณ 15% หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ทางอียูมีมติขยายระยะเวลา Brexit ออกไปจนถึงเดือน ต.ค.
พร้อมกันนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังมองว่าทางธนาคารกลางอังกฤษจะมีพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในการประชุมหน้า โดยปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยของอังกฤษอยู่ที่ระดับ 0.75%
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางสัญญาณของอุปสงค์การกลั่นน้ำมันในจีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจีนถือเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ในขณะที่ภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ร่วงลงเกินคาด
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 21 เซนต์ หรือ +0.29% ที่ 71.93 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันไปทำ High ที่ 72.08 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ 8 พ.ย. และเป็นระดับสูงสุดของปีนี้
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 40 เซนต์ หรือ +0.6% ที่ 64.45 เหรียญ/บาร์เรล
· สำนักงานสถิติของจีน เผยว่า ปริมาณการกลั่นน้ำมันในจีนเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 3.2% จากช่วงต้นปี แตะระดับ 53.04 ล้านตัน หรือคิดเป็น 12.49 ล้านบาร์เรล/วัน