อย่างไรก็ดี ราคาพลาเดียมปรับลงไปมากถึง 7% ทำต่ำสุดที่ 1,361.5 เหรียญ โดยถือเป็นการปรับตัวลงรายวันมากที่สุดตั้งแต่ม.ค. ปี 2017 ขณะที่ราคาพลาเดียมปรับลงไปกว่า 16% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนที่แล้วบริเวณ 1,620.52 เหรียญ
· ผู้อำนวยการฝ่าย High Ridge Futures ระบุว่า แรงเทขายตามเทคนิคที่เริ่มทำให้ราคาร่วงลงมาแตะระดับแนวรับสำคัญต่างๆลงมา และยิ่งกดดันทำให้พลาเดียมกลายเป็นภาวะขาลง ควบคู่กับการปิดสถานะ Long ในตลาด
· ราคาทองคำปรับลง 0.5% ที่ 1,279.32 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด -0.6% ที่ระดับ 1,281.5 เหรียญ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 746.69 ตัน
· ขณะที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เมื่อไม่นานมานี้ และกลายเป็นปัจจัยที่จำกัดการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
· ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะ S&P500 ที่ทำระดับรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ค่าใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นในรอบกว่า 9 ปีครึ่ง
ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อที่ตลาดรอคอยคือ Core PCE Price Index ที่ออกมาแย่กว่าที่คาดสู่ระดับ 0.1% และเมื่อเปรียบเทียบรายปีจะพบว่าขยายตัวได้เพียง 0.2%แต่ในปีก่อนขยายตัวได้ 1.5% สำหรับกลุ่มที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน ยังคงทรงตัวระหว่างเดือนก.พ.และมี.ค. ขณะที่เมื่อเทียบรายปีขยายตัวได้เพียง 1.6%
อย่างไรก็ดี แม้ว่าข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้บริโภคจะออกมาแข็งแกร่ง และบ่งชี้ถึงการอุปโภคบริโภคสินค้าและบริการในสหรัฐฯเป็นไปค่อนข้างดี และส่งผลขับเคลื่อนต่อจีดีพีสหรัฐฯ แต่ภาพรวมของดัชนีราคาก็ดูจะขึ้นอยู่กับเรื่องเงินเฟ้อที่มีการเคลื่อนไหวออกจากเป้าที่เฟดกำหนดไว้
· รายงานจาก CFTC ระบุว่า นักลงทุนในตลาดทอง COMEX ส่วนใหญ่ ยังคงเป็นขาลงในสัปดาห์ที่ 23 เม.ย.
· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนมีการเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นติดต่อกันช่วง 3 วันทำการ แต่ส่วนใหญ่ก็น่าจะรอดูผลประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นการปรับตัวลงของราคาทองคำที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่นักลงทุนทำการปิดสถานะครั้งใหญ่ก่อนทราบผลลัพธ์ของการประชุม
· เฟดจะเริ่มต้นประชุมในวันนี้และจะสิ้นสุดการประชุมในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ในเดือนที่แล้วเฟดตัดสินใจที่จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย
· ราคาซิลเวอร์ปิด -1.1% ที่ 14.9 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับตัวลง -0.2% ที่ 893 เหรียญ