โดยราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.3% บริเวณ 1,272.01 เหรียญ ระหว่างวันทำระดับต่ำสุดที่ 1,270.76 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 24 เม.ย.
ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.9% บริเวณ 1,273.20 เหรียญ
· เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการปรับหรือลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
· นักวิเคราะห์จาก SPI Asset Management ระบุว่า ตลาดทราบดีอยู่แล้วว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกสักระยะ แต่กระแสคาดการณ์ในช่วงปลายปี 2019 ค่อนข้างที่จะเอนเอียงในเชิงผ่อนลคายเสียมากกว่า
ถ้อยแถลงของนายโพเวลล์ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถขยายตัวได้ จึงเป็นปัจจัยที่หนุนค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้ปรับสูงขึ้น
· นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีความคลุมเคลือในถ้อยแถลงของนายโพเวลล์เกี่ยวกับเรื่องของอัตราเงินเฟ้ออยู่บ้าง ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ท เยลเลน อดีตประธานเฟด เมื่อปี 2016 ที่กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้ออาจทรงตัวเป็นการชั่วคราว จึงบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงอยู่ในแดนneutral ต่อไปอีกสักระยะ
· ในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีการเคลื่อนไหวที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงวันหยุดของตลาดญี่ปุ่นและจีน
· นักวิเคราะห์จาก Phillip Futures ระบุว่า ราคาทองคำยังคงมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง จึงหนุนให้ตลาดหุ้นสามารถปรับขึ้นเหนือระดับสูงสุดของปี 2018 ไปได้ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่แข็งแกร่ง
· ทั้งนี้ ตลาดจะให้ความสนใจไปยังการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนสหรัฐฯ-จีน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า ทั้ง 2 ประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงและยุติความขัดแย่งทางการค้าได้ในเร็วๆนี้ จึงเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสินทรัพย์ และกดดัน Safe-haven อย่างทองคำ
· รายงานจาก Politico ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้ที่จะบรรลุข้อตกลงที่จะเข้ามายกเลิกนโยบายภาษีสินค้านำเข้าจากแต่ละฝ่ายเป็นมูลค่า 2.50 แสนล้านเหรียญ
· สภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยแพร่รายงานแนวโน้มความต้องการทองคำฉบับล่าสุดในวันนี้ ระบุถึง ความต้องการทองคำทั่วโลกขยายตัวสู่ระดับ 1,053.3 ตันในไตรมาสแรกของปี 2019 เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ธนาคารกลางยังคงเพิ่มการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้แรงหนุนจากกองทุนรวม ETFs
รายงานระบุว่า ธนาคารกลางซื้อทองคำ 145.5 ตันในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 68% จากช่วงเดียวกันของปี 2018 และถือเป็นการเริ่มต้นปีที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 โดยการกระจายการลงทุนและความต้องการสินทรัพย์สภาพคล่องที่ปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำ
· ความต้องการทองรูปพรรณในไตรมาส 1 แตะที่ระดับ 530.3 ตัน ขยายตัว 1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากอินเดีย ราคาทองในสกุลเงินรูปีที่ถูกลงในช่วงปลายเดือนก.พ.ถึงต้นเดือนมี.ค. ซึ่งตรงกับเทศกาลแต่งงานที่ชาวอินเดียนิยมซื้อทองรูปพรรณเป็นสิดสอดหรือของขวัญ ได้หนุนให้ความต้องการทองรูปพรรณในประเทศปรับตัวขึ้นเป็น 125.4 ตัน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นระดับสูงที่สุดสำหรับไตรมาส 1 นับตั้งแต่ปี 2015
· กองทุน ETFs และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีลักษณะคล้ายกัน เพิ่มการซื้อทองคำ 40.3 ตันในไตรมาสแรก สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 49% โดยกองทุนจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯและยุโรปได้ประโยชน์จากกระแสเงินทุนไหลเข้าสูงสุด อย่างไรก็ดี กองทุนในสหรัฐฯมีปัจจัยการซื้อไม่แน่นอน ขณะที่กองทุนในยุโรปได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่
· การลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญอ่อนลงเล็กน้อย โดยลดลง 1% มาอยู่ที่ระดับ 257.8 ตัน การปรับตัวลงนี้มีสาเหตุมาจากความต้องการทองคำแท่งลดลงเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการซื้อเหรียญทองยังขยายตัวได้ 12% สู่ระดับ 56.1 ตัน จีนและญี่ปุ่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การลงทุนดังกล่าวลดลง โดยในญี่ปุ่น การลงทุนสุทธิพลิกติดลบจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองในประเทศพุ่งทะยานขึ้นในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
· นักวิเคราะห์จาก Trading View รายหนึ่ง มองว่า ราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน ดูจะเคลื่อนไหวเป็นทิศทางขาลง โดยราคามีทั้งปัจจัยกระตุ้น, การปรับฐาน และการเคลื่อนไหวต่างๆ และภาพรวมดูจะเป็นแพทเทิร์นธงขาลง โดยส่วนตัวคาดว่าราคาจะ Breakout จากแพทเทิร์น Bear Flag และจะมีเป้าหมายท่ี่ 1,270 เหรียญ
หากราคาสามารถ Break ต่ำกว่า 1,280 เหรียญ ก็จะยิ่งกดดันราคาทองคำในทิศทางขาลง และจะทำให้ตลาดมีโอกาสลงต่อ เราจึงควรรอให้ราคาปรับลงต่ออีกเพื่อทำการเข้าเปิดสถานะ Short Positions และนักลงทุนกำลังรอว่าจะมีเทรดเดอร์ทำการวางคำสั่ง Short Position ในตลาดเช่นไรด้วย และนี่เป็นเพียงคาดการณ์ราคาของทิศทางตลาดที่น่าจะเป็น
· ทางด้านราคาซิลเวอร์ปรับตัวลดลง 0.2% แถว 14.64 เหรียญ เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 14.57 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินั่มปรับลดลง 0.2% แถว 862.15 เหรียญ หลังทำระดับต่ำสุดที่ 853 เหรียญ ที่เป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
· ส่วนราคาพลาเดียมปรับลดลง 0.8% แถว 1,344.15 เหรียญ หลังทำระดับต่ำสุดที่ 1,309.67 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 25 ม.ค. ไปในช่วงตลาดก่อนหน้า