· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่จากกระแสคาดการณ์ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยนั้นผ่อนคลายลงไป ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังบีโออีปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษ พร้อมกล่าวเตือนว่า การดำเนินต่อไปของ Brexit จะส่งผลต่อแนวโน้มในการดำเนินนโยบาย ขณะที่ภาพรวมวอลุ่มการซื้อขายในตลาดเพิ่มขึ้นจากการที่ตลาดยุโรปบางส่วนกลับมาเปิดทำการหลังปิดทำการในวันแรงงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
สำหรับตลาดจีนและญี่ปุ่นยังคงปิดทำการเนื่องในวันหยุดยาว
ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร, เยน, เงินปอนด์ และอีกสามค่าเงินหลัก โดยปรับขึ้น 0.14% ที่ระดับ 97.83 จุด
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ข้อมูลยอดค้าปลีกของเยอรมนีหดตัวลงต่ำกว่าคาด ด้านผลสำรวจ PMI จากเยอรมนี จนถึงสเปนขยายตัวตามคาด ภาพรวมยูโรอ่อนค่าลง 0.19% ที่ 1.1173 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.18% ที่ 1.3025 ดอลลาร์/ปอนด์
· ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ บีโออี มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.75% ในการประชุมเมื่อคืน หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษมีข้อตกลงร่วมกับสหภาพยุโรปในการที่จะขยายระยะเวลา Brexit ออกไปถึงเดือน ต.ค.
ทั้งนี้ บีโออีได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษปี 2019 เพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 1.5% จากคาดการณ์เดิมในเดือน ก.พ. ที่ 1.2% ส่วน GDP ไตรมาสแรกถูกคาดว่าจะขยายตัวได้ 0.5% จากเดิม 0.2% ในไตรมาสที่ 4/2019
ขณะที่ถ้อยแถลงหลังการประชุม ผู้ว่าบีโออีมีการส่งสัญญาณถึงวามเป็นไปได้ที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยูโรโซน และจีน ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้
· รายงานจาก Asianews ระบุว่าการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนสหรัฐฯ-จีนเมื่อวานใกล้ที่จะประสบความสำเร็จ โดยที่สหรัฐฯตกลงที่จะลดระดับภาษีลง 10% สำหรับสินค้านำเข้าส่วนหนึ่งจากประเทศจีน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าทางจีนจะลดระดับภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ เชื่อว่าทางจีนจะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯเอาไว้ ผ่านการเร่งดำเนินการยุติการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี และมอบสิทธิประโยชน์ที่เท่าเทียมกับบริษัทจีนให้กับบริษัทสหรัฐฯที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีน
· นางแนนซี่ เพโลซี โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวโจมตี นายวิลเลียม บาร์ อัยการสูงสุด โดยกล่าวหาว่านายบาร์ได้ให้การเป็นเท็จต่อบรรดาส.ส. และคณะกรรมการประจำสภาคองเกรส เกี่ยวกับการแทรกแซงกระบวนการสืบสวนรัสเซียและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ หลังจากที่นายบาร์ปฏิเสธที่จะเข้าให้การต่อคณะกรรมการด้านตุลาการประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับลงกว่า 4% โดย Break หลุดระดับแนวรับสำคัญลงมา หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯช่วยชดเชยความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลง แม้จะมีสภาวะความกังวลด้านการเมือง ประกอบไปด้วยความวุ่นวายทางการเมืองในเวเนซุเอลา และการใช้มาตรการใหม่ของอเมริกาที่กดดันให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเป็นศูนย์
น้ำมันดิบ WTI ปิดลง 1.81 เหรียญ ที่ระดับ 61.81 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็น -2.8% ซึ่งเป็นระดับการปิดต่ำสุดตั้งแต่ 1 เม.ย. และภาพรวม WTI ร่วงลงไปกว่า 4% ทำต่ำสุดช่วงต้นตลาดที่ 60.95 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่าการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI หลุดแนวรับสำคัญ 62 เหรียญลงมา ก็มีโอกาสเห็นราคาร่วงลงอย่างรวดเร็วมาแถว 58 เหรียญได้
สำหรับน้ำมันดิบ Brent ปิดร่วงลง 1.43 เหรียญ หรือ -2% ที่ 70.75 เหรียญ/บาร์เรล โดยช่วงต้นตลาดร่วงลงไปทำต่ำสุดที่ 69.68 เหรียญ/บาร์เรล
· 3 สถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับการเมืองในเวเนซุเอลา และผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน
สถานการณ์ที่ 1: มาดูโรออก กุยโดครองตำแหน่ง
หากนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาคนปัจจุบัน ถูกกดดันจากการประท้วงจนต้องยอมออกจากตำแหน่ง และนายฮวน กุยโด หัวหน้าฝ่ายค้านขึ้นมาครองตำแหน่งผู้นำแทน เชื่อว่าจะสามารถจุดประกายความหวังว่าเศรษฐกิจเวเนซุเอลาจะกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวลดลงได้มากที่สุด
สถานการณ์ที่ 2: มาดูโรอยู่ต่อ
หากนายมาดูโรเอาตัวรอดจากการประท้วงที่เกิดขึ้นและคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป เศรษฐกิจเวเนซุเอลาก็จะพังทลายลงอย่างแน่นอน ท่ามกลางการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกรณีนี้จะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้มากที่สุด
สถานการณ์ที่ 3: เกิดรัฐประหาร ทหารยึดอำนาจ
หากกองทัพเวเนซุเอลาออกมาเคลื่อนไหวด้วยการก่อรัฐประหาร และผู้นำด้านการทหารขึ้นปกครองประเทศแทน การคว่ำบาตร ของสหรัฐฯอาจหยุดชะงักลงไปชั่วคราว แต่เศรษฐกิจเวเนซุเอลาก็จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขณะที่ทางกลุ่ม OPEC น่าจะจับตารอดูสถานการณ์ต่อไป เพื่อพิจารณาแผนปรับกำลังการผลิตน้ำมันมาเติมในส่วนของเวเนซุเอลาอย่างไร หากเกิดกรณีนี้ขึ้นเชื่อว่าจะช่วยหนุนราคาน้ำมันขึ้นมาในระดับปานกลาง เนื่องจากการปกครองด้วยผู้นำทางทหารเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน