· ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาดแตะ 263,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานแตะ 3.6% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค. ปี 1969 ด้านอัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงทรงตัวที่ 3.2% ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 3.3%
· สถาบันจัดการด้านอุปทานหรือ ISM เผยดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวลงเกินคาดแตะระดับ 55.5 จุด ซึ่งถือเป็นการร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และระดับล่าสุดถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ส.ค. ปี 2017 จึงสะท้อนถึงสัญญาณที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีภาวะอ่อนตัวในช่วงเริ่มต้นไตรมาสที่ 2 นี้
· ค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวว่าอาจทำการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจเผชิญกับอุปสรรคได้
โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.01% เช้านี้อยู่ที่ 97.539 จุด จากความตึงเครียดทางการค้าดังกล่าวที่ทำให้กลุ่มนักลงทุนยังมองว่าสหรัฐฯจะได้เปรียบมากกว่าประเทศคู่ค้า ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองได้หนุนให้ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าแถว 110.92 เยน/ดอลลาร์ และเช้านี้ลงมาต่อแถว 110.78 เยน/ดอลลาร์
สำหรับค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่าลงไปกว่า 1% ใกล้ระดับอ่อนค่ามากที่สุดของปีที่ 6.8 หยวน/ดอลลาร์
· นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน คาดหวังที่จะเข้าร่วมกับตัวแทนเจรจากับสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์นี้ (พฤหัสบดี-ศุกร์) ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นสัญญาณบวกมากขึ้นของข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ว่าทีมบริหารของนายทรัมป์จะระบุถึงการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่จะมีผลบังคับใช้ช่วงเที่ยงคืนหนึ่งนาทีของวันศุกร์นี้ ตามคำกล่าวอ้างของนายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนทางการค้าระดับสูงของสหรัฐฯ
ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯอาจพิจารณาต่อการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากการเจรจากลับมาสู่แนวทางที่ได้หารือร่วมกัน
ทั้งนี้ ตลาดจับตาไปยังการที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นจากมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ หรือเรียกเก็บเพิ่ม 25% จาก 10% หากนายหลิวไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจา แต่การขึ้นภาษีก็อาจไม่เกิดขึ้นได้ โดยต้องดูทีท่าของการเจรจาวาระที่จะถึงนี้
เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯตำหนิทางการจีนที่ไม่รักษาสัญญาในการหารือข้อตกลงร่วมกันและส่งผลกระทบต่อการหารือกับจีน
อย่างไรก็ดี ทางการจีน ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการยุติการเจรจาร่วมกันใดๆ แม้ว่านายทรัมป์ จะมีการขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนและเพิ่มกลุ่มสินค้าก็ตาม
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า สหรัฐอเมริกาอาจกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการกีดกันทางการค้ามากที่สุด หากนายทรัมป์จะเดินหน้าขึ้นภาษีตามที่ลั่นวาจาไว้ในครั้งล่าสุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้มีการทวิตเตอร์ข้อความที่ว่าอัตราภาษีสินค้านำเข้าจีนที่ 10% มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญอาจพุ่งขึ้นเป็น 25% มูลค่า 3.25 แสนล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นอัตราการเรียกเก็บที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และอาจส่งผลลบต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้นตามมา
· นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์ กล่าวว่า การที่สหรัฐฯส่งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น ไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนว่า เป็นการตอบโต้และเตือนอิหร่านที่กำลังก่อปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่สหรัฐฯไม่ได้กำลังพยายามทำสงครามกับอิหร่าน แต่ต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับตอบโต้การโจมตีทุกอย่าง
· นายไมค์ ปอมเปโอ กล่าวว่า สหรัฐฯจะยกระดับการควบคุมกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อไม่ให้อิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์โดยเด็ดขาด โดยเขากล่าวหลังจากที่สหรัฐฯมีการส่งเครื่องบินโจมตีไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งนายปอมเปโอเชื่อว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น ทางสหรัฐฯจึงต้องเตรียมการอย่างเหมาะสมด้านความมั่นคงและทางเลือกสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
· กิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นประจำเดือนเม.ย.ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน แตะ 50.2 จุด จากเดิมที่ 49.2 จุด ท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและมีสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มทางธุรกิจ แม้ว่าภาพรวมการส่งออกของเอเชียจะได้รับผลกระทบจาก Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน
· ราคาน้ำมันคืนวันศุกร์ปิดปรับขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯที่ช่วยหนุนให้อุปสงค์ความต้องการเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการผลิตน้ำมันในอิหร่านและเวเนซุเอลาที่ลดลงและสร้างภาวะความตึงตัวให้แก่ตลาด โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 13 เซนต์ ที่ 61.94 เหรียญ/บาร์เรล และภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับลงไปประมาณ 2.2% ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 10 เซนต์ ที่ 70.85 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมรายสัปดาห์ -1.8% ถือเป็นการร่วงลงสัปดาห์แรกในรอบ 5 สัปดาห์
· เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้น ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านที่ฉุดให้ราคาปรับขึ้นได้ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดราคาน้ำมันดิ่งลงไปทำ Low รอบ 1 เดือน หลังจากที่นายทรัมป์ เผยว่าอาจมีการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 31 เซนต์ ที่ 62.25 เหรียญ/บาร์เรล โดยช่วงต้นลงไปทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ 29 มี.ค. ที่ 60.04 เหรียญ/บาร์เรล และน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 39 เซนต์ ที่ 71.24 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำ Low ตั้งแต่ 2 เม.ย. ที่ 68.79 เหรียญ/บาร์เรล